ในยุคที่ชีวิตหมุนเร็วไม่แพ้โลก หลายคนเริ่มหันกลับมาหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ และหนึ่งในวิธีที่ช่วยได้ดีที่สุดก็คือ การเดินทางไปไหว้พระ โดยเฉพาะในสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังศรัทธา และมีเรื่องเล่าเก่าแก่ผูกโยงกับความเชื่ออย่างลึกซึ้ง ฮ่องกง คือหนึ่งในจุดหมายอันดับต้น ๆ ของสายมูทั่วเอเชีย ด้วยวัดศักดิ์สิทธิ์มากมายที่พร้อมมอบพรดี ๆ ให้กับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน เงิน ความรัก สุขภาพ หรือแม้แต่ความสงบในใจ และสำหรับใครที่กำลังวางแผนไปไหว้พระฮ่องกงเป็นครั้งแรก หรืออยากไปเสริมดวงแบบเจาะลึก วันนี้เรารวบรวมไว้ให้ครบแล้วครับ ทั้ง 8 วัดศักดิ์สิทธิ์ บทสวดที่ใช้ได้จริง วิธีการขอพร และวิธีการเดินทางที่สะดวกสุดๆ วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple)  วัดหวังต้าเซียน ถือเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมของใครหลายคนที่มาไหว้พระฮ่องกง อย่างเป็นเรื่องเป็นราว โดยเฉพาะในเรื่องการขอพรเกี่ยวกับสุขภาพ การหายป่วย และอายุยืน ท่านหวังต้าเซียนเป็นเทพเจ้าที่มีต้นกำเนิดจากนักพรตในตำนานที่ใช้สมุนไพรช่วยรักษาคนป่วย และกลายเป็นเทพที่มีเมตตาสูง หลายคนรู้จักกันในชื่อ วัดเทพสมปรารถนา ถือเป็นวัดยอดฮิตอันดับต้น ๆ สำหรับสายมูเตลูที่ไปไหว้พระฮ่องกง เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่อง ความแม่นในการขอพร โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ การเรียน การงาน และความรัก ที่สำคัญคือ ขออะไรก็ได้ สมชื่อวัดเทพสมปรารถนาอย่างแท้จริง เมื่อเข้าไปภายในวัด คุณจะได้กลิ่นธูปที่อบอวลไปทั้งบริเวณ ศาลหลักจะมีรูปปั้นของท่านหวังต้าเซียนตั้งอยู่ การขอพรนั้นเริ่มจากการจุดธูป 3 ดอก ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วกล่าวในใจว่า “โอม หวังต้าเซียน โอม ฮ่วยเหล่งฮงฉ่วย” จากนั้นไปที่ศาลด้านข้างเพื่อทำพิธีเสี่ยงเซียมซี ซึ่งหลายๆคนเชื่อว่าแม่นยำมาก สิ่งที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างคือ เทพเฒ่าจันทรา เทพด้านความรักที่สายโสดนิยมมาอธิษฐาน ขอเนื้อคู่ พร้อมผูกด้ายแดงเสริมดวง หรือพาคู่รักมาขอพรเรื่องความสัมพันธ์ให้มั่นคง การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีเขียว (Kwun Tong Line) มาลงสถานี Wong Tai Sin แล้วใช้ทางออก B3 เดินตรงประมาณ 3 นาที จะพบวัดอยู่ด้านซ้าย พิกัด: วัดหวังต้าเซียน คลิ๊กที่นี่   วัดเจ้าแม่กวนอิม ฮุงฮอม หรือ ฮองฮำ (Kwun Yum Temple, Hung Hom)  อีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของการไหว้พระฮ่องกงที่สายมูไม่ควรพลาด วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านฮองฮำ เป็นศาลเจ้าขนาดกลางที่สงบและเปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธา เจ้าแม่กวนอิมในความเชื่อจีน คือเทพโพธิสัตว์แห่งความเมตตา คอยปกป้องผู้ทุกข์ยาก และมักได้รับการขอพรในเรื่อง ความรัก ความสัมพันธ์ และความสงบในครอบครัว โดยเฉพาะใครที่ต้องการ ขอเงินจากฟ้า เสริมโชคลาภแบบไม่ต้องเปิดเผย หรืออยากสะเดาะเคราะห์แบบเรียบง่ายแต่ได้ผลแรง ๆ ต้องห้ามพลาดวัดนี้เด็ดขาด วัดเจ้าแม่กวนอิม ฮุงฮอม เป็นวัดเก่าแก่ที่ชาวบ้านในย่าน Hung Hom สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจให้กับผู้คนโดยเฉพาะในช่วงที่ชีวิตมีอุปสรรค วัดนี้มีชื่อเสียงที่สุดจากพิธีประจำปีที่เรียกว่า “ขอเงินจากฟ้า” (Fa Tan) ซึ่งจัดขึ้นในคืนวันที่ 26 เดือน 1 ตามปฏิทินจีน เป็นคืนที่เชื่อกันว่าฟ้าจะเปิด และพรเกี่ยวกับโชคลาภจะถูกส่งขึ้นไปถึงสวรรค์โดยตรง เมื่อเดินเข้าไปในวิหารกลาง คุณจะพบองค์เจ้าแม่กวนอิมประทับในอิริยาบถอ่อนโยน ทรงชุดขาวนวล และเปี่ยมด้วยเมตตา ให้จุดธูป 3 ดอก พร้อมกล่าวในใจว่า ตั้งจิตอธิษฐาน ระบุชื่อ–นามสกุล วันเกิด และเรื่องที่ต้องการขอ เช่น “ขอให้ค้าขายดี ไม่มีหนี้ เงินไม่ขาดมือ”  จากนั้นสามารถซื้อกระดาษแดงพิมพ์คำอธิษฐานเพื่อขอพรพิเศษในช่วงเทศกาล หรือนำดอกไม้บูชาเพื่อเสริมแรงบุญ การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีม่วง (Tuen Ma Line) มาลงสถานี Ho Man Tin ใช้ทางออก A2 เดินต่อประมาณ 7–10 นาที หรือจะนั่งแท็กซี่จากสถานี Hung Hom ก็ได้ พิกัด: วัดเจ้าแม่กวนอิม ฮุงฮอม  คลิ๊กที่นี่ วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple)  หากคุณกำลังมองหาวัดสายมูที่ขึ้นชื่อเรื่อง “การเปลี่ยนดวง” แก้ปีชง เสริมโชค ล้างเคราะห์หนักให้เบาลง หรืออยากรีเซตพลังชีวิตแบบเต็มระบบ ในทริปไหว้พระฮ่องกง ต้องห้ามพลาด วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple) วัดยอดนิยมที่มีคนฮ่องกงแห่กันมาไหว้ทุกปี โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนและวันเปลี่ยนปีนักษัตร วัดแชกงหมิวตั้งอยู่ที่ย่าน Sha Tin ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่ แม่ทัพแชกง ผู้เป็นขุนพลผู้ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และมีอำนาจในการขจัดสิ่งชั่วร้าย ป้องกันภัย และปราบโรคระบาด วัดนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนมาขอพรให้ชีวิตราบรื่น แคล้วคลาดจากอุปสรรค และเปลี่ยนดวงชะตาให้ดีขึ้น เริ่มต้นด้วยการจุดธูป 3 ดอก พร้อมตั้งจิตให้แน่วแน่ กล่าวว่า “ขอให้ข้าพเจ้าพ้นเคราะห์ เสริมโชค ล้างกรรม และมีสติในการดำเนินชีวิต” จากนั้นไปหมุนกงล้อมหามงคล 3 รอบตามเข็มนาฬิกา หากต้องการแก้เคล็ด หรือหมุนทวนหากต้องการรักษาโชคดีเดิม เชื่อกันว่าเสียงกงล้อจะปลุกพลังบวกให้ฟื้นกลับมา คุณยังสามารถซื้อยันต์แชกงกลับไปพกติดตัวหรือติดหน้าบ้านเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้อีกด้วย การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีม่วง (Tuen Ma Line) ลงสถานี Tai Wai ใช้ทางออก B แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาทีตามป้าย Che Kung Temple พิกัด: วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple) คลิ๊กที่นี่  วัดเจ้าแม่กวนอิม อิมรีพัลส์เบย์ (Kwun Yam Shrine) วัดเจ้าแม่กวนอิม อิมรีพัลส์เบย์ เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของสายมูที่เดินทางมาไหว้พระฮ่องกง ด้วยบรรยากาศริมทะเลที่เงียบสงบ ผสมผสานกับความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้าแห่งความเมตตาและการคุ้มครองผู้คน ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนฮ่องกงและนักท่องเที่ยวนิยมมาขอพรเรื่องการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ โดยเฉพาะใครที่อยากขอเรื่องโชคลาภและอายุยืน ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด จุดเด่นของวัดนี้คือองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งอยู่ริมอ่าว Repulse Bay พร้อมสะพานสีแดงที่เชื่อกันว่า หากเดินข้ามจะช่วยยืดอายุออกไปอีก 3 ปี แต่มีข้อแม้ว่าห้ามหันกลับมาเดินย้อนโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้พรขาดช่วง ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญของวัดนี้เลยทีเดียว การเริ่มต้นขอพรที่นี่ให้ได้ผลดีที่สุดคือ ให้เริ่มที่การไหว้เจ้าแม่กวนอิม โดยยืนตรงกระเบื้องสีขาวหน้าองค์ท่าน แล้วกล่าวคำอธิษฐานในใจ ระบุชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสิ่งที่ต้องการอย่างชัดเจน ใครที่รู้สึกว่าตนเองดวงตกหรือเจอเคราะห์บ่อย ๆ แนะนำให้เริ่มต้นทริปไหว้พระฮ่องกงที่นี่ เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และเปิดทางก่อนจะไปวัดอื่น อีกหนึ่งไฮไลต์ที่สายมูชอบมากคือ ศาลาแปดเหลี่ยม ที่ต้องยืนหันหน้าออกทะเล แล้วใช้นิ้วเขียนเลข 8 บนแท่นหิน เพราะเลข 8 ตามความเชื่อจีนคือสัญลักษณ์ของโชคลาภและความไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนี้ยังมีเทพแห่งโชคลาภและเทพด้านความรักให้สักการะครบ เหมาะกับคนที่ต้องการขอพรหลายด้านในที่เดียว ส่วนใครที่ต้องการเสริมดวงด้านการเงิน ให้นำธนบัตรไทย เช่น 20, 50, หรือ 100 บาท มาถูที่รูปปั้นเทพแห่งความมั่งคั่ง (เทพ Choi Sun) แล้วนำใส่กระเป๋าสตางค์ ห้ามนำมาใช้ เพราะเชื่อว่าจะดูดโชคเข้ามาแบบไม่ขาดสาย ส่วนใครที่อยากมีบุตร ก็ให้ไปถูพุงของเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ (Sang Gak Jai) พร้อมกล่าวขอพรอย่างตั้งใจ แม้จะเป็นวัดที่เน้นด้านมงคลโดยทั่วไป แต่ความสงบร่มรื่นของริมทะเล และความครบถ้วนของเทพแต่ละด้าน ทำให้วัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้กลายเป็น วัดที่คนฮ่องกงแนะนำให้ไปไหว้ก่อนวัดอื่น เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้การขอพรที่อื่นได้ผลแรงขึ้น การเดินทาง: นั่ง MTR มาลงสถานี Central ใช้ทางออก A2 จากนั้นต่อรถบัสสาย 6, 6A, 6X, 66 หรือ 260 ไปลงที่ Repulse Bay Beach แล้วเดินต่ออีกประมาณ 700 เมตร พิกัด: วัดเจ้าแม่กวนอิม อิมรีพัลส์เบย์ (Kwun Yam Shrine) คลิ๊กที่นี่ วัดหม่าโจ้ว (Tin Hau Temple)  วัดหม่าโจ้ว หรือที่รู้จักในชื่อ วัดทินโห่ว (Tin Hau Temple) คือวัดที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและความเชื่อของชาวฮ่องกงมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับทะเล เรือ และการเดินทาง เพราะองค์เทพหม่าโจ้ว หรือ ทินโห่ว คือ เทพีแห่งท้องทะเล ผู้ปกป้องผู้คนให้แคล้วคลาดจากอันตราย และยังเป็นเทพที่ชาวจีนเคารพกันอย่างกว้างขวางทั่วเอเชีย หากคุณกำลังวางแผน ไหว้พระฮ่องกง และต้องการขอพรเรื่องความปลอดภัย ความราบรื่นในการเดินทาง รวมถึงการปกป้องจากเคราะห์ภัยทั้งหลาย วัดหม่าโจ้วคือจุดหมายที่ควรแวะให้ได้ โดยเฉพาะก่อนเริ่มเดินทาง หรือลุยโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ที่ต้องอาศัยแรงคุ้มครอง แม้วัดนี้จะมีหลายแห่งทั่วฮ่องกง แต่ วัด Tin Hau ที่ย่าน Causeway Bay ถือเป็นวัดดั้งเดิมที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1747 (กว่า 270 ปีมาแล้ว) โดยคนในตระกูลที่เป็นชาวประมง ซึ่งมีประสบการณ์รอดตายจากพายุทะเลด้วยการอธิษฐานต่อเทพหม่าโจ้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดนอกจากองค์เทพหม่าโจ้ว ยังมีองค์เทพแห่งโชคลาภ เทพแห่งสุขภาพ และเทพเจ้าดาวทั้ง 7 (ดาวโชค ดาวอายุ ดาวความสำเร็จ ฯลฯ) ให้ขอพรได้หลายด้านพร้อมกัน ถือว่าเป็นวัดที่เหมาะกับการไหว้เพื่อ ป้องกันภัย + เสริมดวงรวมทุกด้าน วิธีขอพรแบบสายมูนิยมกันคือ จุดธูป 3 ดอก และอธิษฐานระบุชื่อ–นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสิ่งที่ต้องการ เช่น “ขอให้ …(ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด)... เดินทางปลอดภัย งานราบรื่น รวยๆเฮงๆ” หลังจากไหว้แล้ว ให้เคาะระฆังเบา ๆ ที่หน้าศาลเจ้า เพื่อให้พรสะเทือนสู่สวรรค์ อีกเคล็ดลับคือ ให้พก ยันต์หม่าโจ้ว กลับบ้าน หรือพกติดกระเป๋าเดินทาง เชื่อว่าจะปกป้องจากเคราะห์ร้ายและพลังลบต่าง ๆ ได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงที่ดวงตกหรือเจอปัญหารอบด้าน การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีฟ้า (Island Line) ลงสถานี Tin Hau ใช้ทางออก A1 เดินย้อนถนน King's Road ประมาณ 2–3 นาที จะพบวัดอยู่ทางซ้าย พิกัด: วัดหม่าโจ้ว (Tin Hau Temple) คลิ๊กที่นี่  วัดหม่านโหมว (Man Mo Temple)  วัดหม่านโหมวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขอพรเรื่องสติปัญญา ความรู้ และการเรียน ที่นี่เป็นวัดที่มีชื่อเสียงเรื่อง การขอพรให้ฉลาด เรียนเก่ง เจรจาสำเร็จ และได้รับความยุติธรรม โดยเฉพาะในหมู่นักเรียน ทนาย ผู้ประกอบการ และนักลงทุน วัดหม่านโหมวสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1847 และถือเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง ตั้งอยู่ใจกลางย่าน Sheung Wan เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนตั้งแต่ยุคที่ฮ่องกงยังเป็นเมืองท่าเล็ก ๆ จนกลายเป็นมหานครในปัจจุบัน โดยวัดนี้บูชาเทพ 2 องค์หลัก คือ เทพหม่าน (Man Cheong) – เทพแห่งปัญญาและวรรณกรรม เทพโหมว (Mo Tai) – เทพแห่งความกล้าหาญและความยุติธรรม ให้จุดธูป 3 ดอกหน้าเทวรูปพร้อมกล่าวว่า“ข้าพเจ้าชื่อ... เกิดวันที่... ขอให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม เจรจาสำเร็จ เรียนรู้ไว ตัดสินใจแม่นยำ และมีความยุติธรรมอยู่ในใจเสมอ”จากนั้นแนะนำให้เดินวนรอบกระถางธูป (ถ้าไม่พลุกพล่าน) และตั้งจิตขอบคุณท่าน ใครที่มีลูกอยู่ในช่วงสอบ หรือทำงานที่ต้องใช้สมองเยอะ อย่าลืมบรรจุวัดนี้ไว้ในแผนไหว้พระฮ่องกงของคุณด้วยนะครับ เพราะพลังแห่งการศึกษาในที่นี่ชัดเจนมาก การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีฟ้า (Island Line) ไปลงสถานี Sheung Wan ใช้ทางออก A2 แล้วเดินตามถนน Hollywood Road ประมาณ 7–10 นาที หรือขึ้น รถราง (Tram) มาลงป้าย Man Mo Temple ได้เช่นกัน พิกัด: วัดหม่านโหมว (Man Mo Temple) คลิ๊กที่นี่  วัดกวนไท (Kwan Tai Temple)  วัดกวนไท หรือวัดเทพเจ้ากวนอู เป็นวัดที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และความยุติธรรม การไหว้พระฮ่องกงที่วัดกวนไทเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังในการต่อสู้ เจรจา และเอาชนะความไม่ยุติธรรมต่างๆ ในชีวิตและการงาน วัดแห่งนี้บูชา เทพเจ้ากวนอู หรือ กวนไท หนึ่งในเทพเจ้าจีนที่ได้รับความเคารพสูงสุดในหมู่ชาวฮ่องกง ไต้หวัน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เทพกวนอูเป็นสัญลักษณ์ของ ความซื่อสัตย์ กล้าหาญ ยุติธรรม และปกป้องผู้มีคุณธรรมจากศัตรูและสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ วัดกวนไทจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ ทนาย ทหาร ตำรวจ และคนที่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องตัดสินใจ  เริ่มจากการจุดธูปแดง 3 ดอก ต่อหน้าเทวรูปกวนอู พร้อมกล่าวว่า “ขอให้ข้าพเจ้ามีความกล้าหาญ ยุติธรรม ซื่อสัตย์ และได้รับการคุ้มครองจากภัยอันตรายทั้งปวง ขอให้คนคิดร้ายแพ้ภัยตัวเอง และขอให้สิ่งที่ตั้งใจสำเร็จด้วยคุณธรรม” จากนั้นสามารถถวายพวงมาลัยหรือชาเขียวเพื่อเสริมบุญกุศล โดยเชื่อกันว่าท่านจะคุ้มครองผู้มีคุณธรรมอย่างแท้จริง การเดินทาง: อยู่ถนนเดียวกับวัดหม่านโหมว เดินต่อเพียงไม่เกิน 5 นาทีจาก Hollywood Road พิกัด: วัดกวนไท (Kwan Tai Temple) คลิ๊กที่นี่  วัดเชอหลิน (Chi Lin Nunnery)  วัดสุดท้ายของทริปไหว้พระฮ่องกง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักใจ ทบทวนชีวิต และปล่อยวาง วัดเชอหลินเป็นอารามหญิงล้วนที่สร้างตามสถาปัตยกรรมราชวงศ์ถัง มีสวนเซนและสระบัวรายล้อม บรรยากาศสงบอย่างแท้จริง ที่นี่ไม่ได้เน้นขอพรเรื่องโชคลาภหรือการเงินเป็นหลัก แต่คือสถานที่สำหรับการสงบใจ เติมพลังบวก เชื่อมโยงกับธรรมะอย่างแท้จริง วัดเชอหลินตั้งอยู่ในย่าน Diamond Hill ฝั่งเกาลูน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1934 ก่อนจะได้รับการบูรณะอย่างอลังการด้วยไม้สักแบบโบราณสไตล์ราชวงศ์ถัง โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ถือเป็นวัดพุทธฝ่ายมหายานที่สวยและเงียบสงบที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง แม้จะไม่ได้มีพิธีเสริมดวงแบบสายมูโดยตรง แต่ภายในวัดมีองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม พระศากยมุนีพุทธเจ้า และพระอรหันต์องค์ต่าง ๆ ให้ได้กราบสักการะ พร้อมโถงสวดมนต์ที่เงียบสงบ เหมาะกับการตั้งจิตอธิษฐานให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีงาม และขจัดความทุกข์ใจออกไป วัดนี้ยังติดกับ Nan Lian Garden สวนหินและสวนต้นไม้ที่ออกแบบตามหลักหยินหยางและพุทธศิลป์จีน สวยจนเหมือนฉากในหนังย้อนยุค เดินเล่นในสวนก่อนหรือหลังไหว้พระ ก็จะได้พลังทางใจที่สงบและมั่นคงมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่กำลังเจอมรสุมชีวิต หรืออยากรีเซ็ตใจเพื่อเริ่มต้นใหม่ แนะนำให้เดินเข้าสู่ศาลากลางอย่างเงียบสงบ หยุดยืนที่ลานไม้ หายใจลึก แล้วกล่าวเบา ๆ ว่า “ขอให้ข้าพเจ้ามีสติ สมาธิ และปัญญา เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตด้วยตนเอง และขอให้พบเจอครูบาอาจารย์และสิ่งแวดล้อมที่ดี” เพื่อปลดปล่อยความว้าวุ่นในใจ จากนั้นสามารถนั่งสมาธิในพื้นที่ที่จัดไว้ หรือเดินชมสวนก็ได้ครับ การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีเขียว (Kwun Tong Line) มาลงสถานี Diamond Hill ใช้ทางออก C2 เดินผ่านห้าง Plaza Hollywood แล้วเดินตามป้ายอีก 5 นาที พิกัด: วัดเชอหลิน (Chi Lin Nunnery) คลิ๊กที่นี่  บ้านก็ต้องดูแล ใจก็ต้องมีที่พัก การออกเดินทางไปไหว้พระฮ่องกงไม่ใช่แค่เรื่องของการขอพรหรือเสริมดวงเท่านั้น แต่มันคือการให้เวลากับตัวเอง ได้ทบทวนชีวิต ได้ปล่อยใจในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความมงคลศักดิ์สิทธิ์ และหากคุณอยากเที่ยวทริปไหว้พระฮ่องกงนี้ให้ราบรื่นและสะดวกสบายที่สุด ลองให้ bluuu บริการแม่บ้านออนไลน์ เรามีแม่บ้านคุณภาพมากกว่า 150 คน ที่ยินดีช่วยดูแลเรื่องในบ้านให้แทนคุณนะครับ      ✅ ปลอดภัย คัดแม่บ้านมืออาชีพและผ่านการตรวจประวัติอาชญากรรมทุกคน      ✅ จองง่ายผ่านเว็บไซต์ ในเวลาไม่เกิน 5 นาที      ✅ เลือกแม่บ้านคนโปรดได้เอง          ✅ มีรีวิวจากลูกค้าที่ใช้งานจริง ให้ bluuu ดูแลบ้าน ส่วนคุณไปดูแลเสริมดวงตัวเองให้ปังที่ฮ่องกงนะครับ  เกี่ยวกับผู้เขียน Thossaporn K.

เหล่าทาสแมวเคยสงสัยกันไหมคะว่า อาหารแมวที่ขายในร้านขายอาหารสัตว์นั้น มีเยอะมากตั้งแต่ราคากิโลกรัมหลักสิบ ถึงหลักร้อย แล้วอาหารพวกนี้แตกต่างกันอย่างไร ? คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยกับทาสแมวมือใหม่ และแม้แต่คนที่เลี้ยงแมวมานานก็ยังอาจไม่แน่ใจว่าอาหารที่ให้อยู่ทุกวัน เหมาะสมกับกับแมวของเราแค่ไหนบทความนี้ ผู้เขียนจะพาไปเจาะลึก “เกรดอาหารแมว” แบบเข้าใจง่าย พร้อมแนะนำวิธีเลือกอาหารให้เหมาะกับแมวของคุณทั้งในด้านสุขภาพและงบประมาณ ทำไมต้องรู้เรื่อง "เกรดอาหารแมว"? ทาสแมวมือใหม่ต้องรู้ว่าอาหารที่ให้น้องกินอยู่ทุกวันนี้เหมาะสมหรือไม่ เพราะร่างกายและสายพันธุ์ของแมวนั้นหลากหลาย ทั้งขนสั้น ขนยาว และควรเลือกกินอาหารที่เหมาะสมตามปัญหาสุขภาพและวัยของแต่ละตัวด้วยค่ะ เพราะการเลือกอาหารนั้นสำคัญต่อสุขภาพแมวมากจริงๆอาหารไม่ได้แค่ทำให้อิ่ม แต่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของแมว ทั้งด้าน: ระบบย่อยอาหาร : อาหารมีส่วนสำคัญมากสำหรับระบบย่อยอาหาร ทาสแมวต้องสังเกตว่าอึน้องเหม็นไหม? ถ่ายดีหรือเปล่า ถ่ายเหลว หรือถ่ายแข็งมีเลือดปน ปัญหาพวกนี้สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายของแมวเราได้ ว่ากำลังป่วย  สุขภาพขนและผิวหนัง : แมวทุกตัวหากได้รับอาหารที่มีวิตามินแร่ธาตุไม่เหมาะสม อาจทำให้ขนร่วงได้ ซึ่งปัญหาขนร่วงเป็นปกติของแมว แต่หากร่วงหนักมากเกินไปอาจพิจารณาเปลี่ยนสูตรอาหารที่บำรุงขนและทานอาหารเสริมเพิ่มเติม เพื่อขนนุ่มเงางาม สุขภาพไตและตับ : สำหรับแมวโตที่อายุมาก อาหารเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเลือกอาหารสูตรเฉพาะ ดูเรื่องไขมันและโปรตีน หากมีมากไปจะส่งผลเสียตามมา  พฤติกรรม : อาหารส่งผลต่อพฤติกรรมของแมว หากมีการเปลี่ยนอาหารบ่อย รสชาติไม่เหมือนเดิม อาจทำให้น้องแมวซึม ไม่ร่าเริง เบื่ออาหารได้ แต่ต้องสังเกตเพราะแต่ละตัวก็แสดงออกแตกต่างกัน บางตัวอาจเบื่ออาหารเดิมที่เคยทานมาตลอด บางตัวอาจเลือกกกินแค่อาหารสูตรเดิมไม่ยอมกินสูตรอื่น ทาสแมวต้องสังเกตดีๆค่ะ เพราะใครๆก็อยากให้ลูกของเราเจริญอาหาร ผลเสียของการให้อาหารไม่เหมาะสมอาจทำให้ แมวขาดสารอาหาร, เสี่ยงโรคไต, ขนร่วง, ป่วยง่ายไม่มีภูมิต้านทาน)  การเลือกอาหารที่มีคุณภาพจึงช่วยให้แมวของเรา มีสุขภาพดี อายุยืน และประหยัดค่าหมอระยะยาว ได้เลยค่ะ อาหารแมวมี “เกรด” อะไรบ้าง? Standard Grade : หาซื้อได้ทั่วไป ราคาข้าถึงง่าย ใช้วัตถุดิบหลักเป็นธัญพืช เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง หรือถั่วลันเตา และมีผลพลอยได้จากสัตว์ซึ่งไม่ได้ถูกนำไปใช้เป็นอาหารหลักสำหรับมนุษย์ เช่น ส่วนของสัตว์ปีก เครื่องใน กระดูก เล็ก ปาก เท้า เป็นต้น มาเป็นส่วนผสมหลัก ยซึ่งหากต้องให้น้องแมวทานเป็นเวลานาน ต้องดูปริมาณโซเดียมให้เหมาะสม เพราะนานไปอาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพได้  Premium Grade : อาหารสูตรนี้ใช้วัตถุดิบหลักเป็นเนื้อสัตว์คุณภาพดี เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา หรือเนื้อแกะ  และมีการทำสูตรออกมาเพื่อให้เหมาะกับแมวมากยิ่งขึ้น เช่น สูตรสำหรับแมวขนยาว สูตรบำรุงขน หรือสูตรสำหรับแมวที่มีปัญหาการขับถ่าย ซึ่งมีการคำนวณสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล เลยทำให้มีราคาสูงขึ้นมาอีก หาซื้อได้ง่าย แต่ยังพบผลพลอยได้จากธัญพืชอยู่บ้างเป็นบางยี่ห้อ ส่วนเรื่องปริมาณโซเดียมลดลงถ้าเปรียบเทียบกับเกรดแรก Holistic Grade : เป็นเกรดที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจากธรรมชาติ เช่น เนื้อสัตว์เกรดคนทาน, ผลไม้ ผัก และมีการคำนวณสารอาหารเหมือนเกรด Premium มีสารอาหารที่จำเป็นต่อแมวครบถ้วนและมีความสมดุลสูง ปรุงแต่งน้อย บางแบรนด์ไม่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง, สี, หรือกลิ่นสังเคราะห์เลย ซึ่งอาหารแมวเกรด Holistic เหมาะสำหรับแมวที่ต้องการสารอาหารที่มีคุณภาพสูงสุด หรือมีปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้มีราคาสูง Grain Free : อาหารแมวสูตร Grain Free เป็นอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของธัญพืช เช่น ข้าวโพด, ข้าวสาลี, หรือข้าว เหมาะสำหรับแมวที่แพ้ธัญพืช ทำมาจากวัตถุดิบเนื้อสัตว์ที่เลือกใช้เกรดเหมือนอาหารคน ไม่มีการใส่ธัญพืชที่สามารถก่อภูมิแพ้ได้ ลดอาการภูมิแพ้ในแมว ทำให้ได้ปริมาณสารอาหารที่ดีมีคุณภาพ  โดยทาสแมวสามารถสังเกตอาการแพ้ของน้องแมวได้จากอาการ ผิวหนังแดง คัน เป็นตุ่ม อาเจียน หรือท้องเสีย ทั้งนี้ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ในการตรวจรักษา  วิธีอ่านฉลากอาหารแมวเบื้องต้น 1. ดูส่วนผสมแรกๆ บนถุง: วัตถุดิบเรียงตามปริมาณมาก–น้อย ถ้า “ข้าวโพด” หรือ “แป้ง” มาอันดับ 1 = โปรตีนต่ำ สารอาหารอาจและโปรตีนอาจมีน้อย 2. ดูเปอร์เซ็นต์โปรตีน-ไขมัน: สำหรับแมวโตทั่วไป โปรตีนควรอยู่ที่ 30% ขึ้นไป, ไขมันราว 12–20% 3. ไม่มีสารกันเสีย/สีสังเคราะห์: เลือกแบรนด์ที่เน้น “ธรรมชาติ” และปลอดภัย เพราะหากน้องแมวได้รับสารกันเสียหรือสีสังเคราะห์สะสมเป็นเวลานาน จะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างแน่นอน คำศัพท์บนถุงอาหารที่ควรรู้: ✅ Meat as first ingredient = ใช้เนื้อจริงเป็นส่วนผสมหลัก (คุณภาพดี) ✅ No by-product = ไม่มีของเหลือจากโรงงานแปรรูป ❌ Meat by-product = อาจเป็นเศษกระดูก ปีก เล็บ (คุณค่าต่ำ) ❌ Artificial flavor/color = มีสารแต่งกลิ่น-สี เสี่ยงอาการแพ้ อาหารเกรดดี = แมวสุขภาพดี จริงไหม? คำตอบคือ จริงมาก! จากประสบการณ์ของเจ้าของหลายคน เมื่อเปลี่ยนอาหารจากเกรดต่ำ → เกรดพรีเมียม หรือซูเปอร์พรีเมียม ขนแมวเงา นุ่มขึ้น อึน้อยลงและกลิ่นลดลง แมวอารมณ์ดีขึ้น กระฉับกระเฉง แมวสูงวัยมีสุขภาพไตดีขึ้นในระยะยาว แข็งแรงไม่ป่วยง่าย  สรุป: วิธีเลือกอาหารให้น้องแมว ดูอายุแมว : ลูกแมว / แมวโต / แมวสูงวัย มีความต้องการต่างกัน ควรดูในเรื่องปริมาณไขมัน โปรตีน และสารอาหารที่จำเป็นในแต่ละช่วงวัย ดูสุขภาพแมว : เป็นโรคไต? แพ้อาหาร? ต้องระวังเป็นพิเศษ ควรเลือกอาหารเฉพาะสูตร ดูพฤติกรรมการกิน : ชอบเม็ด? ชอบเปียก? แมวบางตัวความชอบต่างกัน ควรให้เค้าลองกินด้วยตัวเองค่ะ ดูงบประมาณ : ไม่ต้องแพงสุดเสมอไป แต่ต้อง “ปลอดภัย” และ “มีคุณภาพ” การเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับน้องแมวและเงินในกระเป๋าทาส เป็นสิ่งที่สำคัญค่ะ  แมวเป็นสัตว์ที่กินอาหารแล้วแสดงผลสุขภาพชัดมาก ถ้าให้แมวกินอาหารที่เหมาะและมีคุณภาพ เหล่าทาสแมวจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนทั้งร่างกายและอารมณ์ เพราะน้องแมวเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่ทำให้บ้านมีชีวิตชีวาและอบอุ่น นอกจากนี้ทาสควรใส่ใจเรื่องที่อยู่อาศัยให้สะอาดอยู่เสมอ น้องแมวก็จะมีความสุขมากเช่นกัน หากบ้านสะอาดหอมสดชื่น แต่ถ้าทาสแมวไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน สามารถเรียกแม่บ้านออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ ให้เข้าไปทำความสะอาดได้แล้วนะคะ  เราให้บริการแม่บ้านในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา บ้านสะอาดน่าอยู่น้องแมวก็มีความสุข เกี่ยวกับผู้เขียน  Uthaiwan B.

ใครที่เคยผ่านการเป็น “แผลร้อนใน” คงเข้าใจดีว่า แผลร้อนในมีความเจ็บแสบทุกครั้ง กินอาหารก็ไม่อร่อย ทรมานช่องปากตลอดเวลา ที่สำคัญกว่าจะหายก็หลายวัน แถมบางคนยังเป็นซ้ำๆ บ่อยมาก หลายคนที่เป็นก็มักจะสงสัยกันว่า เอ๊ะ แผลร้อนในเกิดจากอะไร ? แล้วทำยังไงให้แผลร้อนในหายเร็วที่สุด ? บทความนี้จะพาทุกคนมาดูวิธีแก้ร้อนในให้หายเร็วแบบง่ายๆ และรวดเร็วที่ใครก็ทำตามได้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย ! ร้อนในคืออะไร ? ร้อนใน (Canker sores) คือ แผลขนาดเล็กๆ ในช่องปาก โดยทั่วไปจะมีขนาดประมาณ 2-6 มิลลิเมตร มีขนาดตื้นไม่ลึกและจะขึ้นในช่องปากบริเวณ ริมฝีปาก เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม ผู้ที่เป็นร้อนในจะมีอาการทานอาหารหรือพูดไม่ถนัดเนื่องจากอาการเจ็บแสบในช่องปาก สามารถเกิดขึ้นได้ซ้ำๆ ในช่องปากและแผลร้อนในจะหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ถึงแม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่ก็หากเป็นแผลขนาดใหญ่และเป็นนานมากกว่าปกติ ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา แผลร้อนในเกิดจากอะไร ? แผลร้อนในมักจะเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากสาเหตุดังนี้ มีการระคายเคืองในช่องปาก เกิดจากการกัดลิ้น กัดปาก เคี้ยวอาหารไม่ระวัง กัดกระพุ้งแก้มตัวเอง แผลที่เกิดจากอุปกรณ์เสริมในช่องปาก เช่น การจัดฟัน ครอบฟัน การใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดีกับช่องปาก การดูแลช่องปากที่ไม่เหมาะสม เช่น แปรงฟันที่ไม่ถูกวิธี ขนแปรงแข็งเกินไป ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ แพ้สารเคมีบางชนิดในยาสีฟัน อาจมีอาการบวมแดง ลองเปลี่ยนเป็นยาสีฟันสูตรที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ พันธุกรรม หากพ่อแม่มีประวัติเป็นร้อนในบ่อยๆ มีโอกาสที่จะส่งต่อพันธุกรรมการเป็นร้อนในมาสู่รุ่นลูกได้ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอ เครียดเกินไป นอนน้อย ก็เป็นอีก 1 ปัจจัยของการเกิดร้อนในได้เช่นกัน ขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด โดยเฉพาะวิตามิน B12 และธาตุเหล็ก เป็นต้น ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เป็นปัจจัยเสริมที่อาจทำให้เกิดแผลได้ง่ายขึ้นและทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ วิธีแก้ร้อนในให้หายเร็วแบบง่ายๆ โดยปกติแล้วแผลร้อนในมักจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ หากใครเป็นนานมากกว่า 2 สัปดาห์ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาต่อไป แต่ถ้าใครเพิ่งเริ่มมีอาการและอยากหายเร็วลองทำตามวิธีนี้ดูได้เลย ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ ในแต่ละวัน ควรดื่มน้ำวันละ 1.5-2 ลิตรหรือประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน  ถ้าปากแห้งมากๆ จะทำให้แผลหายช้าลง อย่าลืมดื่มน้ำตลอดทั้งวันก็จะช่วยได้อย่างมาก หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและของทอด อาหารเผ็ดร้อน เปรี้ยว ของทอด ของมัน อาจทำให้แผลระคายเคืองมากกว่าเดิม บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ น้ำเกลือจะช่วยฆ่าเชื้อและลดอาการอักเสบในปาก บ้วนวันละ 2-3 ครั้งหรือหลังอาหารทุกมื้อ พักผ่อนให้เพียงพอ นอนเยอะๆ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายได้พักและซ่อมแซมตัวเองได้ดีมากขึ้น ใช้ยาทาร้อนใน ยากลุ่มสเตียรอยด์ทาแผลร้อนใน ช่วยลดอาการปวดและทำให้แผลหายเร็วขึ้น เช่น ไตรโนโลน, คาโนโลน,ลอนนา เจล, แผ่นแปะร้อนใน เป็นต้น (ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรและใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด) ยาสำหรับกลั้วปากและคอ แนะนำเบตาดีนการ์เกิล กลั้วคอวันละ 2-3 ครั้งจะช่วยบรรเทาอาการอักเสบในช่องปากได้เป็นอย่างดีมาก ช่วยให้หายเร็วมากขึ้น (ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรและใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด) วิธีป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นร้อนในซ้ำ แม้ว่าแผลร้อนในจะเป็นแผลที่มีขนาดเล็กแต่ก็ทำให้เรามีอาการเจ็บจี๊ดอยู่ตลอดเวลา จะกินจะพูดก็ไม่สะดวก และที่น่ารำคาญที่สุดคือ แผลร้อนในมักจะกลับมาเป็นซ้ำได้ เรามีวิธีป้องกันไม่ให้ร้อนในกลับมาเป็นซ้ำยังไงได้บ้าง ไปดู! หมั่นดูแลสุขภาพช่องปาก ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มเพื่อป้องกันการบาดแผลในช่องปาก แปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากและยาสีฟันสูตรธรรมชาติและใช้ไหมขัดฟันบ่อยๆ  ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ หากมีอาการร้อนในบ่อยผิดปกติ ไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพร่างกายในส่วนอื่นๆ ป้องกันไว้ก่อนดีที่สุด งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งบุหรี่และแอลกอฮอล์ ทำให้ปากแห้ง มีสารระคายเคืองไม่ดีต่อสุขภาพและทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง แผลหายช้าและก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆ มากมาย กินอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามิน B ธาตุเหล็ก วิตามิน C เป็นประจำ เคี้ยวอาหารอย่างระมัดระวัง พฤติกรรมที่ช่วยป้องกันการเกิดแผลร้อนในและลดการระคายเคืองของแผลในช่องปากได้  สรุปแผลร้อนในปัญหากวนใจที่รักษาง่ายไม่ยาก แผลร้อนในที่หลายคนไม่อยากเป็น แต่เมื่อเป็นแล้วก็รีบรักษาและหาทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำบ่อยๆ ซึ่งปัญหานี้อาจเกิดจากที่หลายคนไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ต้องหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี หันมาดูแลสุขภาพตัวเองแล้วก็ต้องดูแลบ้านด้วย บ้านสะอาดง่ายๆ Bluuu แม่บ้านออนไลน์มืออาชีพ พร้อมดูแลความสะอาดให้บ้านคุณในทุกๆวัน ให้คุณมีเวลาดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ เรื่องงานบ้านปล่อยให้เป็นเรื่องของ Bluuu  อย่าลืม ดูแลสุขภาพให้ดีตั้งแต่วันนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้แผลร้อนในหายเร็วขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีกด้วย✨ ผู้เขียน Nannicha P.

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมลูกถึงนั่งอยู่หน้าจอคอมฯ หรือมือถือเป็นชั่วโมง ๆ พร้อมเสียงหัวเราะ พิมพ์แชทกับเพื่อน ๆ และพูดถึงคำว่า “Roblox” อยู่บ่อยครั้ง? Roblox ไม่ใช่เกมเดียวจบแบบที่เราคุ้นเคย แต่เป็น “แพลตฟอร์มโลกเสมือน” ที่เด็ก ๆ สามารถเล่นเกมที่คนอื่นสร้าง หรือแม้แต่สร้างเกมของตัวเองได้ สำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ การเข้าใจว่า Roblox คืออะไร และ ปลอดภัยสำหรับลูกหรือไม่ ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะนี่ไม่ใช่แค่เกมเพื่อความสนุก แต่ยังเกี่ยวข้องกับพัฒนาการ การเข้าสังคม และแม้แต่ความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ของลูกด้วย บทความนี้จึงเป็น คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับพ่อแม่ ที่อยากเข้าใจ Roblox ในทุกมิติ ตั้งแต่ ทำไมเด็ก ๆ ถึงชอบ, เหมาะกับวัยไหน, มีความเสี่ยงอะไร, วิธีดูแลลูก, ไปจนถึงมุมมองว่ามันช่วยเสริมทักษะอย่างไรได้บ้าง Roblox คืออะไร ทำไมถึงฮิตในหมู่เด็ก ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า Roblox กลายเป็นชื่อที่พ่อแม่หลายคนได้ยินจากปากลูกบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น “แม่ หนูอยากเล่น Roblox” หรือ “พ่อ เพื่อน ๆ เล่น Roblox กันหมดแล้ว” ซึ่งทำให้ผู้ใหญ่จำนวนมากเกิดคำถามว่า Roblox คืออะไร? และทำไมถึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่เด็ก ๆ Roblox ไม่ใช่แค่ “เกมออนไลน์” เกมหนึ่ง แต่เป็น แพลตฟอร์มสร้างเกม (Game Creation Platform) ที่ผู้ใช้สามารถเล่นเกมของคนอื่น หรือสร้างเกมของตัวเองขึ้นมาก็ได้ พูดง่าย ๆ คือ มันเป็นเหมือน “โลกเสมือน” ที่เต็มไปด้วยเกมหลายล้านเกม ซึ่งถูกสร้างโดยผู้เล่นทั่วโลก ทำไมเด็ก ๆ ถึงชอบ Roblox? อิสระในการเลือกเล่น : เด็กไม่ต้องติดอยู่กับเกมเดียว เพราะ Roblox มีให้เลือกหลากหลายแนว (ผจญภัย, สวมบทบาท, เกมแข่ง, เกมสร้างเมือง ฯลฯ) เล่นกับเพื่อนได้ : Roblox เป็นเกม Multiplayer ที่เด็ก ๆ สามารถเล่นพร้อมเพื่อนจริง หรือหาเพื่อนใหม่จากทั่วโลก โลกเสมือนที่ปรับแต่งได้ : เด็กสามารถสร้างตัวละคร (Avatar) ของตัวเอง ใส่เสื้อผ้า ผม หน้า ท่าทาง ได้เหมือนโลกจำลองส่วนตัว ได้เป็นทั้งผู้เล่นและผู้สร้าง : ความสนุกไม่ได้อยู่แค่การเล่นเกม แต่ยังรวมถึงการ สร้างเกมเอง ทำให้เด็กบางคนภูมิใจที่ทำเกมให้เพื่อนเล่น  Roblox เหมาะกับเด็กแค่ไหน? แม้ว่า Roblox จะดูสนุกและสร้างสรรค์ แต่คำถามที่พ่อแม่หลายคนกังวลคือ “แล้วอายุเท่าไหร่ถึงเหมาะที่จะเล่น Roblox?” Roblox เหมาะกับเด็กวัยไหน? 7–12 ปี : เป็นวัยที่เล่นเยอะที่สุด เพราะมีเกมที่เข้าใจง่าย สนุก และเล่นกับเพื่อน ๆ ได้ 13–18 ปี :  กลุ่มวัยรุ่นบางคนจะสนใจด้านการสร้างเกมจริงจังมากขึ้น โดยใช้ Roblox Studio ต่ำกว่า 7 ปี : ยังไม่เหมาะ เพราะเด็กเล็กอาจเจอเนื้อหาไม่เหมาะสม หรือยังไม่เข้าใจเรื่องความปลอดภัยออนไลน์ เกมใน Roblox มีหลากหลายแบบ Obby (Obstacle Course) : เกมวิ่งข้ามด่าน ฝึกความไวและการแก้ปัญหา Roleplay :  เช่น เกมจำลองชีวิต สร้างบ้าน ทำงาน แต่งตัว Adventure : ผจญภัยในโลกแฟนตาซี Tycoon / Simulator : เกมจำลองการสร้างธุรกิจ ฟาร์ม หรือเมือง 💡 สิ่งที่พ่อแม่ควรเข้าใจคือ: Roblox มีทั้งเกมที่ สร้างสรรค์และเหมาะสม และเกมที่อาจ ไม่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เพราะใคร ๆ ก็สามารถสร้างเกมได้ Roblox ปลอดภัยไหม? สิ่งที่พ่อแม่ควรรู้ หนึ่งในคำถามใหญ่ที่สุดของพ่อแม่คือ “Roblox ปลอดภัยไหม?” คำตอบคือ “ปลอดภัยได้ แต่ต้องมีการดูแล” เพราะแม้ Roblox จะมีระบบความปลอดภัย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงบางอย่าง เนื้อหาอาจไม่เหมาะสมกับวัย : ถึงแม้ Roblox จะมีระบบกรอง แต่บางครั้งก็ยังมีเกมหรือแชทที่ไม่เหมาะสมโผล่ขึ้นมา การแชทกับคนแปลกหน้า : Roblox เปิดโอกาสให้เด็กคุยกับเพื่อนใหม่ แต่ก็เสี่ยงที่จะเจอคนไม่หวังดี การซื้อของในเกม (In-app Purchase) : Roblox ใช้สกุลเงิน Robux ที่สามารถเติมเงินจริงได้ เด็กบางคนอาจใช้จ่ายเกินควบคุม วิธีที่พ่อแม่ช่วยให้ลูกเล่น Roblox อย่างเหมาะสม แม้ว่า Roblox จะเป็นพื้นที่ที่เด็ก ๆ ได้ทั้งความสนุกและการเรียนรู้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บทบาทของพ่อแม่ในการดูแลและกำกับ หากขาดการสอดส่องที่เหมาะสม เด็กอาจใช้เวลาเล่นเกินพอดี หรือเผลอไปเจอคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสม 1. การตั้งเวลาเล่น : กำหนดชั่วโมงการเล่นเกมที่ชัดเจน เช่น วันธรรมดาไม่เกิน 1 ชั่วโมง วันหยุดอาจขยายได้เล็กน้อย ใช้วิธี “เล่นแล้วพัก” เช่น เล่น 30 นาที พัก 10 นาที เพื่อไม่ให้สายตาล้าเกินไป 2. การพูดคุยกับลูก : สร้างการสื่อสารที่เปิดกว้าง ถามลูกว่าเล่นเกมไหน สนุกตรงไหน เจอเพื่อนใหม่แบบไหน การพูดคุยทำให้ลูกไม่รู้สึกว่าพ่อแม่ “ห้าม” แต่ “เข้าใจ” 3. ใช้ฟีเจอร์ Parental Controls : Roblox มีระบบสำหรับพ่อแม่โดยเฉพาะ เช่น จำกัดการแชท (Chat Restrictions), จำกัดเกมตามอายุ, กำหนดว่าเล่นกับใครได้บ้าง (Friends-Only) หากพ่อแม่ใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ร่วมกับการสอนลูกเรื่องความปลอดภัย ลูกก็จะมีประสบการณ์เล่นที่สนุกและไม่เสี่ยงเกินไป  Roblox ช่วยพัฒนาเด็กในด้านใดบ้าง แม้พ่อแม่บางคนอาจมองว่า Roblox เป็น “เกมไร้สาระ” แต่ในความจริง หากเล่นอย่างเหมาะสม Roblox กลับมีประโยชน์หลายด้านต่อพัฒนาการของเด็ก 1. พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ : Roblox เปิดโอกาสให้เด็กได้สร้างตัวละคร เสื้อผ้า บ้าน หรือแม้แต่เกมทั้งเกมเอง เด็ก ๆ ได้ฝึกจินตนาการ ทำให้ “คิดนอกกรอบ” มากขึ้น 2. ฝึกการแก้ปัญหา : เกมใน Roblox หลายเกมต้องผ่านอุปสรรค ฝึกให้เด็กคิดวิธีเอาชนะ เช่น เกม Obby ที่ต้องหาทางกระโดดข้ามด่าน ทำให้เด็กเรียนรู้ว่าการผิดพลาด = โอกาสในการลองใหม่ 3. การทำงานร่วมกัน (Collaboration) : หลายเกมต้องเล่นเป็นทีม  เด็กได้เรียนรู้การสื่อสาร การแบ่งหน้าที่ และการทำงานร่วมกับเพื่อน คล้ายกับการเรียนรู้ Soft Skills ที่ใช้ในชีวิตจริง 4. ทักษะเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน : Roblox Studio ใช้หลักการโค้ดดิ้งง่าย ๆ ทำให้เด็กคุ้นเคยกับการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น ทักษะเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตในโลกที่เทคโนโลยีมีบทบาทสูง 5. พัฒนาทักษะการเข้าสังคมออนไลน์ (Socialization) : Roblox เป็นที่ที่เด็กได้เรียนรู้การสื่อสารกับเพื่อนต่างวัย ต่างประเทศ แต่พ่อแม่ควรสอนการรู้จัก “ขอบเขต” เช่น ไม่บอกข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า พ่อแม่ควรทำอย่างไรต่อไป เรียนรู้ไปพร้อมลูก : ลองเล่น Roblox ด้วยกัน  พ่อแม่จะเข้าใจว่าลูกสนุกตรงไหน และมีโอกาสคุยกับลูกมากขึ้น การเล่นด้วยกันทำให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้น ติดตามข่าวสาร Roblox :  Roblox มีการอัปเดตตลอดเวลา พ่อแม่ควรรู้ว่าเกมใหม่ ๆ มีอะไร และมีความเสี่ยงใหม่ ๆ อะไรบ้าง สอนการใช้เงินอย่างมีวินัย : สอนเรื่องการใช้ Robux ให้เหมือนกับเงินในชีวิตจริง เช่น กำหนดงบรายเดือน คือ ฝึกทักษะการจัดการการเงิน ปัจจุบัน พ่อแม่หลายคนพยายามเข้าใจพฤติกรรมของลูกผ่านสื่อดิจิทัล เช่น Roblox และในขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่เองก็กำลังสร้างวัฒนธรรมใหม่ ๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ลองอ่านบทความ Gen Z and Their Pets : ทำไมรุ่นใหม่ถึงเลี้ยงสัตว์แทนลูก? เพื่อเข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าสนใจนี้ สรุป: Roblox คือโลกใหม่ที่พ่อแม่ควรเข้าใจ Roblox ไม่ใช่แค่เกม แต่เป็น โลกเสมือนที่เต็มไปด้วยโอกาสในการเรียนรู้ ความสร้างสรรค์ และการเข้าสังคม ของเด็ก ๆ อย่างไรก็ตาม ความสนุกย่อมมาพร้อมความเสี่ยง พ่อแม่ต้อง มีบทบาทในการดูแล และเป็น “เพื่อนร่วมโลกออนไลน์” ของลูก และในขณะเดียวกัน หากคุณเป็นพ่อแม่ที่ต้องจัดสมดุลระหว่าง เวลาทำงาน การดูแลบ้าน และการดูแลลูก บริการอย่าง Bluuu แม่บ้านออนไลน์ ก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้าน เพื่อให้คุณมีเวลามากขึ้นสำหรับการพูดคุยและใช้เวลาคุณภาพร่วมกับลูก เมื่อพ่อแม่เข้าใจ Roblox และมีเวลาใส่ใจลูกมากขึ้น ลูกก็จะได้เติบโตในโลกดิจิทัลอย่าง ปลอดภัยและมีความสุข ✨ เกี่ยวกับผู้เขียน Waralak P.

อาหารสตรีทฟู้ดในเมืองไทยที่เราเห็นกันส่วนมากจะเป็นอาหารประเภททอด ทั้งไก่ทอด หมูทอด ปลาทอด ผักทอด ลูกชิ้นทอด ด้วยความหลากหลายทางด้านอาหาร ทำให้คนไทยมักมีความสุขกับการได้กินของอร่อยๆที่ตัวเองชอบ และของทอดก็เป็นอาหารจานโปรดของใครหลายๆคน  แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถทอดอาหารกินเองที่บ้านให้กรอบอร่อยเหมือนไปซื้อมา แถมยังไม่เสี่ยงต่อการใช้น้ำมันเก่าอีกด้วย หลายๆคนคงคิดว่าทอดเองไม่กรอบ ไม่อร่อยเหมือนที่ร้าน ควรใช้แป้งทอดกรอบแบบไหน ยี่ห้อไหนดี บทความนี้ผู้เขียนจะพาไปทำความรู้จักกับแป้งที่สามารถทอดออกมากรอบ ทำเองได้ง่าย แป้งทอดกรอบคืออะไร? ทำไมถึงต้องเลือกให้ถูก แป้งทอดกรอบคือ แป้งที่ผสมมาแบบสำเร็จรูป ใช้สำหรับชุบทอดอาหารเพื่อให้ได้ความกรอบ ปัจจุบันแป้งทอดกรอบมีทั้งแบบที่ปรุงรสมาแล้ว และแบบที่ยังไม่ได้ปรุงรส การเลือกแป้งทอดกรอบที่เหมาะสมกับประเภทอาหารและรสชาติที่ต้องการ เป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้ได้อาหารทอดที่กรอบอร่อย ประเภทของแป้งทอดกรอบ และวิธีเลือกให้เหมาะกับเมนู โดยทั่วไปแล้ว แป้งทอดกรอบจะประกอบด้วยแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และส่วนผสมอื่นๆ เช่น เครื่องปรุงรสต่างๆ รสเค็ม รสเผ็ด รสเครื่องเทศ ทำให้มีรสชาติดี อร่อยกลมกล่อมและสะดวกในการใช้งานไม่ต้องปรุงเพิ่ม แป้งทอดกรอบแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการสร้างความกรอบที่แตกต่างกันไป บางชนิดกรอบร่วน บางชนิดกรอบนาน บางชนิดกรอบไปทางแข็ง การเลือกแป้งที่เหมาะสมจะช่วยให้อาหารทอดของเรากรอบได้ตามต้องการ แป้งแต่ละชนิดให้ความกรอบที่แตกต่างกัน  แป้งสาลี : ให้ความกรอบแบบกรอบร่วน แป้งข้าวจ้าว : ให้ความกรอบแบบกรอบร่วนคล้ายแป้งสาลี แต่มีความแข็งไปทางแป้งมัน แป้งมันสำปะหลัง : ให้ความกรอบแบบกรอบแข็ง กรอบนาน แป้งข้าวโพด : ใช้ทดแทนสำหรับคนที่แพ้แป้งจากข้าวสาลี  หากต้องการความสะดวกแนะนำให้ใช้แบบสำเร็จรูป และเลือกแบรนด์ที่มีส่วนผสมของแป้งที่มีลักษณะความกรอบที่ต้องการ บางแบรนด์เน้นใส่แป้งสาลีปริมาณมาก บางแบรนด์มีส่วนผสมของแป้งข้าวโพด เป็นต้น  เคล็ดลับทอดให้อร่อย กรอบนาน ไม่อมน้ำมัน เตรียมวัตถุดิบให้มีความแห้ง โดยซับด้วยกระดาษทิชชู่ก่อน ช่วยลดการอมน้ำมัน ผสมน้ำเย็นจัดลงในแป้งปริมาณเล็กน้อย ไม่มากเกินไป ให้ดูว่าชุบวัตถุดิบลงไปในแป้งแล้วยกขึ้นมายังมีแป้งเคลือบอยู่ ไม่เหลวเกินไป  การใช้น้ำมันทอดที่เหมาะสม น้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูง เช่น น้ำมันปาล์ม, น้ำมันรำข้าว, หรือน้ำมันหมู  ปริมาณน้ำมัน : ควรใส่น้ำมันให้ท่วมของที่จะทอด เพราะจะทำให้สุกและกรอบทั่วถึง การควบคุมอุณหภูมิน้ำมันให้เหมาะสม ไฟกลางๆ ระหว่าง 170-210 องศา ใส่วัตถุดิบลงไปตอนที่น้ำมันร้อนแล้ว (ใช้ไฟเบาไปทำให้ของทอดอมน้ำมัน ใช้ไฟแรงไปจะทำให้แป้งด้านนอกสุกเร็ว แต่ด้านในยังไม่สุก)  หากต้องการ ทอด 2 รอบ รอบแรกให้ทอดไฟกลาง โดยวัตถุดิบยังไม่เปลี่ยนสีเข้มมาก แล้ว ให้พักวัตถุดิบไว้ประมาณ 20 นาที แล้วนำไปทอดด้วยไฟแรง 2-3 นาที ยกขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จะทำให้โครงสร้างของแป้งแข็งแรง กรอบนานยิ่งขึ้น เหมาะกับการทอดไก่ แล้วนำไปเคลือบซอสต่างๆ (หรือหากต้องการ ทอดรอบเดียว ก่อนนำของทอดขึ้นให้เร่งไฟขึ้นเล็กน้อย 2-3 นาที เพื่อไล่น้ำมัน แล้วยกขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ) นอกจากนี้ต้องดูเรื่องภาชนะที่ใช้ทอด หม้อสำหรับทอด กระทะก้นลึก ที่เหมาะสมอีกด้วย  นำของทอดขึ้นจากเตาแล้วค่อยปิดแก๊ส เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ทำให้ของทอดไม่อมน้ำมัน เมื่อนำของทอดขึ้นจากเตาแล้ว ควรวางพักบนตะแกรง ที่มีรูระบายอากาศอย่างทั่วถึงสักครู่ ทิ้งไว้จนความร้อนระบายออกแล้วจึงนำจัดใส่จาน อย่าวางบนกระดาษซับมัน เพราะจะทำให้แป้งนิ่ม หากต้องการหมักเนื้อสัตว์ ให้หมักเครื่องปรุงก่อน ไม่ควรหมักแป้งลงไปพร้อมกับเครื่องปรุง  อย่าทอดของชิ้นใหญ่หรือหนาเกิน ทำให้แป้งชุ่มน้ำ ไม่กรอบ สูตรแป้งทอดกรอบผสมเอง (ฉบับแม่บ้านทำง่ายที่บ้าน) แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเย็นจัด กะพอประมาณ ให้แป้งมีความข้น  ผงฟู ½ ช้อนชา เกลือ หรือผงปรุงรส ½ ช้อนชา น้ำปูนใส (ถ้ามี) 2-3 ช้อนโต๊ะ การที่จะทำให้อาหารทอดออกมากรอบนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเรื่องแป้ง น้ำมัน ความร้อน โดยจะต้องอาศัยความพิถีพิถันในการทำด้วยค่ะ  อย่าลืมว่าการทานอาหารทอดมากเกินไป นอกจากจะทำให้ไขมันสะสมเยอะแล้ว ยังก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา ทั้งโรคไขมันหลอดเลือด ไขมันพอกตับ และโรคอ้วน อาหารทอดควรทานแต่พอดี ไม่บ่อยจนเกินไป และควรทอดด้วยน้ำมันใหม่ ไม่ใช้น้ำมันซ้ำนะคะ  การเลือกทานอาหารเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย และอีกอย่างที่จะทำให้คุณภาพชีวิตและร่างกายแข็งแรง คือความสะอาดภายในบ้าน อย่าลืมดูแลความสะอาดภายในบ้านให้ดีอยู่เสมอ และเลือกใช้แม่บ้านคุณภาพจากบริการของเรา หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้านเอง และคิดว่าบ้านยังสะอาดไม่พอ สามารถอ่านรายละเอียดบริการของเราได้ที่ bluuu แม่บ้านออนไลน์  เกี่ยวกับผู้เขียน  Uthaiwan B.

หลายบ้านคงพบเจอกับปัญหาฝุ่นตามพื้น แม้ว่าจะดูดฝุ่น หรือถูพื้นก็แล้ว ยังมีฝุ่นเกาะอยู่ พื้นยังไม่สะอาด แถมยังมีคราบหลงเหลืออยู่ พื้นเหนียว เดินไม่สบายเท้า ปัญหานี้ทำให้ใครหลายๆคนเบื่อที่จะทำงานบ้าน เพราะทำเองเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น  จากบทความที่แล้วผู้เขียนได้อธิบายถึง “น้ำยาดันฝุ่น” ตัวช่วยที่สำคัญของการทำความสะอาด  ที่ใครหลายๆคนอาจยังไม่รู้จัก หากใครยังไม่รูจักน้ำยาดันฝุ่น สามารถอ่านบทความ น้ำยาดันฝุ่นคืออะไร ? ตัวช่วยสำคัญของแม่บ้านมืออาชีพ และในบทความนี้ผู้เขียนจะมา รีวิว 5 น้ำยาดันฝุ่นที่แม่บ้านแนะนำกันค่ะว่ามียี่ห้อไหนบ้าง และเรายังมี เคล็ดลับการทำความสะอาดด้วยน้ำยาดันฝุ่นดีๆมาบอกค่ะ ก่อนอื่นเราต้องรู้จักรูปแบบของน้ำยาดันฝุ่นก่อน รูปแบบและประเภทของน้ำยาดันฝุ่นแบบน้ำ รูปแบบของน้ำยาดันฝุ่น แบบสำเร็จรูป : เหมาะสำหรับคนที่เน้นความสะดวก ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากทำหลายขั้นตอน เนื่องจากเป็นสูตรที่มีส่วนผสมพอดีมาอยู่แล้ว ทำให้ใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องผสมน้ำ ทั้งนี้ก็จะมีทั้งแบบหัวฉีดและแบบแกลอน  แบบผสมน้ำเอง : น้ำยาดันฝุ่นรูปแบบนี้มีความเข้มข้นสูง สามารถนำมาผสมน้ำเองได้เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งาน และความต้องการในแต่ละครั้ง ส่วนมากจะเป็นแบบแกลอน ผู้ใช้ควรศึกษาอัตราของส่วนผสมที่ฉลากให้ถี่ถ้วนก่อนใช้งาน  ประเภทของน้ำยาดันฝุ่น น้ำยาดันฝุ่น แบบฉีดแล้ว ถูได้เลย : เป็นน้ำยาชนิดที่มีส่วนผสมของสารดักจับฝุ่นที่มีความหนืดน้อย ซึ่งสามารถกระจายตัวบนพื้นผิวได้อย่างรวดเร็วกว่า สามารถใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องรอเวลาให้น้ำยาซึมเข้าผ้า เหมาะสำหรับแม่บ้านที่มีเวลาน้อย เน้นความรวดเร็วในการทำความสะอาดบ้าน  น้ำยาดันฝุ่น แบบต้องรอเวลา : เป็นน้ำยาที่มีส่วนผสมของสารดักจับฝุ่นที่มีความหนืดมาก เมื่อฉีดน้ำยาลงบนผ้าแล้วต้องรอ 15-30 นาที หรือข้ามคืน เพื่อให้สารกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นการดักจับฝุ่นที่เน้นประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ บ้านมีฝุ่นเยอะ  รีวิว 5 น้ำยาดันฝุ่นยอดฮิต ที่กลุ่มแม่บ้านแนะนำ น้ำยาดันฝุ่น 3M Scotch-Brite  กลิ่นหอมอ่อนๆ ดูสะอาดสดชื่น ไม่ฉุน ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ทั้งไม้ดันฝุ่น หรือผ้าไมโครไฟเบอร์  เป็นสูตรพิเศษที่ช่วยเก็บฝุ่นละอองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ป้องกันฝุ่นเกาะซ้ำ, ไม่ทิ้งคราบ เหมาะสำหรับพื้นผิวแข็งทุกประเภท เช่น ไม้ปาร์เก้ กระเบื้อง หินอ่อน และหินแกรนิตโต้ เป็นรูปแบบสำเร็จรูป ไม่ต้องผสมน้ำ  ขนาด: 250 ml. ราคาโดยประมาณ: 149 ฿ หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและช่องทางออนไลน์ 2. น้ำยาดันฝุ่น Spa clean มีหลายกลิ่นให้เลือก กลิ่นหอมสดชื่น เช็ดแล้วไม่ทิ้งฝ้าขาว  ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ทั้งไม้ดันฝุ่น หรือผ้าไมโครไฟเบอร์  เป็นสูตรซิลิโคนสามารถใช้ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์และเครื่องหนังได้  ใช้ได้กับทุกพื้นผิว ทั้งพื้นไม้ กระเบื้องยาง ไม้ปาร์เก้ กระเบื้อง หินอ่อน  เป็นรูปแบบสำเร็จรูป ไม่ต้องผสมน้ำ แต่ต้องรอให้น้ำยาเซ็ทตัวบนผ้า ขนาด: 250 ml. ราคาโดยประมาณ: 75฿  หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและช่องทางออนไลน์ 3. น้ำยาดันฝุ่น King’s stella กลิ่น Flora Fresh กลิ่นหอมสะอาดสดชื่นจากดอกไม้ ขจัดกลิ่นอับ กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ใช้ร่วมกับไม้ม็อบดันฝุ่นและผ้าไมโครไฟเบอร์  มีส่วนผสมของ D-limonere สารสกัดน้ำมันจากผิวเปลือกส้ม ช่วยกำจัดมดและแมลงไม่ให้เข้ามาในบ้าน ใช้ได้กับทุกพื้นผิว ทั้งพื้นไม้ กระเบื้องยาง ไม้ปาร์เก้ กระเบื้อง หินอ่อน ไม่ทำให้พื้นเหนียว เป็นแบบสำเร็จรูป ไม่ต้องผสมน้ำ แต่ต้องรอให้น้ำยาเซ็ทตัวบนผ้า 2-3 นาที ขนาด: 250 ml. ราคาโดยประมาณ: 120 ฿ 4. น้ำยาดันฝุ่น Dshow มีหลากหลายกลิ่นให้เลือก ทั้งกลิ่นดอกไม้ กลิ่นสดชื่น หรือกลิ่นหอมแบบอโรม่า  ใช้ร่วมกับไม้ม็อบดันฝุ่นและผ้าไมโครไฟเบอร์  ใช้ได้กับทุกพื้นผิว ทั้งกระเบื้องยาง ไม้ปาร์เก้ กระเบื้อง หินอ่อน หินขัด ลามิเนต เป็นแบบสำเร็จรูป ไม่ต้องผสมน้ำ แต่ต้องรอให้น้ำยาเซ็ทตัวบนผ้า 5-10 นาที ขนาด: 500 ml. ราคาโดยประมาณ: 75 ฿ 5. น้ำยาดันฝุ่น Biosave กลิ่นซากุระ และกลิ่นบลูโรส  ใช้ร่วมกับไม้ม็อบดันฝุ่นและผ้าไมโครไฟเบอร์  สามารถใช้เช็ดฝุ่นบนพื้นผิวทุกชนิด บนเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ ตู้ ชั้นต่าง ๆ ภายในบ้าน โซฟาหนัง ช่วยเคลือบเงาถนอมเฟอร์นิเจอร์ได้ เป็นแบบสำเร็จรูป ไม่ต้องผสมน้ำ ฉีดน้ำยาใส่ผ้าแล้วใช้ได้ทันทีไม่ต้องรอ สามารถผสมน้ำแล้วเช็ดพื้นได้ ปลอดภัยต่อเด็ก สัตว์เลี้ยง และผู้สูงอายุ  ขนาด: 1,000 ml. ราคาโดยประมาณ: 75 ฿ เคล็ดลับ การใช้งานน้ำยาดันฝุ่นให้มีประสิทธิภาพ สำหรับเก็บฝุ่นด้วยม็อบดันฝุ่น ควรดันไม้ม็อบไปทิศทางเดียวกันโดย ไม่ต้องยกม็อบ (ไม่ถูไปมา) ดันพื้นตามทางตรงช้าๆ และให้หมุนม็อบกลับมา 180 องศา เพื่อดันฝุ่นในบริเวณที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดต่อไป หากผ้าเริ่มอุ้มฝุ่นมากเกินไป ให้เปลี่ยนหรือเคาะฝุ่นออก • ควรเขย่าขวดก่อนใช้ แล้วฉีดน้ำยาลงบนผ้าม็อบหรือไม้ดันฝุ่นที่แห้ง 2-3 ครั้ง (ไม่ควรฉีดน้ำยามากเกินไปเพราะจะทำให้พื้นลื่น) • หากถูแล้วรู้สึกว่าพื้นลื่นเกินไป หรือเหนียวเท้า ให้ฉีดน้ำยาบนผ้า ทิ้งไว้ 15-30 นาที แม่บ้านออฟฟิศบางคนแนะนำให้ฉีดทิ้งไว้ข้ามคืน ประสิทธิภาพจะดีมาก • ควรใช้กับพื้นแห้ง ไม่ควรใช้บนพื้นเปียก เพื่อให้ดักจับฝุ่นได้ดีขึ้น และช่วยให้พื้นเงางามสะอาด แต่ไม่ควรฉีดพ่นน้ำยาลงบนพื้นโดยตรง  • ใช้เป็นประจำเพื่อช่วยลดการสะสมของฝุ่นละอองภายในบ้าน และตามชั้นเฟอร์นิเจอร์ • สำหรับการใช้งานภายในบ้านแนะนำให้ซื้อแบบขวดสเปรย์ เนื่องจากใช้งานง่าย และประหยัด •  หากใช้น้ำยาดันฝุ่นบ่อย ๆ ควรแบ่งหัวม็อบไว้ 2–3 ผืน เพื่อหมุนเวียนใช้งาน มีแม่บ้านหลายคนที่ไม่กล้าใช้น้ำยาดันฝุ่นเพราะกลัวพื้นลื่นเกินไป แต่ก็ยังมีแม่บ้านอีกจำนวนมากแนะนำให้ใช้น้ำยาดันฝุ่นเพราะความรู้สึกที่พื้นลื่นสะอาดสบายเท้าดีกว่าพื้นเหนียวเป็นแน่ แค่เราใช้ให้ถูกวิธี เรียนรู้และศึกษา เพราะแต่ละแบรนด์ทำน้ำยาออกมาไม่เหมือนกัน หากใช้ผิดวิธีก็ก่อให้เกิดความผิดพลาดได้ แต่ถ้าใช้ถูกวิธีรับรองว่าดีต่อใจแน่นอนค่ะ  หากสนใจสมัครงานแม่บ้านออนไลน์ สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่  สมัครงานแม่บ้านออนไลน์ bluuu เกี่ยวกับผู้เขียน  Uthaiwan B.

ในยุคที่คนวัยทำงานมีเวลาจำกัด แทบไม่มีเวลาแม้กระทั่งทำความสะอาดบ้านเอง การเลือกใช้บริการจ้างแม่บ้านออนไลน์ แม่บ้านรายวัน จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคุณสามารถเลือกเวลาและจำนวนชั่วโมงทำความสะอาดได้ แต่มีหนึ่งในคำถามที่ตามมาคือ “ค่าใช้จ่ายของแม่บ้านออนไลน์อยู่ที่เท่าไหร่? ควรจ้างแม่บ้านแม่บ้านออนไลน์ที่ไหนดี?” บทความนี้จะพาทุกคนไปดูเรื่องค่าใช้จ่าย สิ่งที่ควรรู้ และความคุ้มค่าในการเลือกใช้บริการแม่บ้านออนไลน์ เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกแม่บ้านได้ง่ายขึ้น ราคาแม่บ้านออนไลน์เริ่มต้นที่เท่าไหร่? โดยทั่วไปบริการแม่บ้านออนไลน์ส่วนใหญ่จะคิดราคาตามจำนวนชั่วโมง หรือ จำนวนครั้ง รายวัน รายสัปดาห์ จุดนี้ก็จะแตกต่างจากแม่บ้านประจำทั่วไปที่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างเป็นเงินเดือนทุกเดือน ซึ่งแม่บ้านออนไลน์ค่อนข้างยืดหยุ่นทั้งเรื่องเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ใช้บริการมากกว่า แม่บ้านออนไลน์รายชั่วโมง ส่วนใหญ่เริ่มต้นประมาณ 250-300 บาท/ชั่วโมง ผู้ใช้บริการสามารถเลือกจำนวนชั่วโมงที่ต้องการ กำหนดวันและเวลาที่สะดวกได้ บ้านสะอาดได้ในไม่กี่ชั่วโมง คุมงบได้ง่าย แม่บ้านรายวันทั่วไป มักจะคิดเรทราคาอยู่ที่ประมาณ 500-1,200 บาท/วัน ราคาอาจจะไม่ชัดเจนและไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับขนาดหน้างานและงานที่ต้องทำ ผู้ใช้บริการต้องเป็นคนตกลงค่าจ้างกับแม่บ้านให้ชัดเจนและหาจ้างแม่บ้านด้วยตัวเอง อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ แอบแฝง เช่น ค่ารถ/ค่าเดินทาง เป็นต้น แพ็กเกจแม่บ้านรายสัปดาห์/รายเดือน ราคาเฉลี่ย 475-600 บาท/ครั้ง (เมื่อจอง 4 ครั้ง/แพ็กเกจ) เป็นอีกตัวเลือกให้ผู้ใช้บริการจองแม่บ้านบ่อยครั้ง เช่น จองแม่บ้านสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยค่าใช้จ่ายก็จะขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงและจำนวนครั้งและค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ ของแต่ละบริษัท แม่บ้านออนไลน์ Bluuu เรามีบริการแม่บ้านออนไลน์ แม่บ้านรายวัน เริ่มต้น 500 บาท สำหรับการจอง 2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่ใช้บริการครั้งเดียว คุณสามารถเลือกแม่บ้านและดูรีวิวจากลูกค้าจริงได้ แม่บ้านผ่านการอบรมและตรวจประวัติอาชญากรรมทุกคน แม่บ้านคุณภาพดี สำหรับผู้ที่ใช้บริการบ่อย สามารถเลือก แพ็กเกจรายสัปดาห์/รายเดือน มาพร้อมส่วนลด 5–18% และเลือกวันเวลาที่สะดวก ไม่ต้องกดจองซ้ำหลายรอบให้ยุ่งยาก ได้แม่บ้านคนเดิมตลอดทั้งแพ็กเกจ จองทีเดียวใช้งานได้ยาวๆ คุ้มค่าและสะดวกที่สุด ทำไมราคาแม่บ้านออนไลน์ถึงแตกต่างกัน? การจ้างแม่บ้านออนไลน์ แม้ว่าจะเป็นบริการทำความสะอาดบ้านเหมือนแม่บ้านทั่วไป แต่ทำไมถึงราคาไม่เท่ากัน ทำไมมีตัวเลือกราคาเยอะแยะมากมาย? เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของแม่บ้าน มีอะไรบ้างไปดูเลย 1. จำนวนชั่วโมงที่จ้างแม่บ้าน ราคาแม่บ้านจะขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงที่จ้าง ยิ่งถ้าผู้ใช้บริการจองจำนวนชั่วโมงมากขึ้น ราคาต่อชั่วโมงก็มักจะถูกลง เช่น จ้างแม่บ้าน 2 ชั่วโมง 500 บาท (เฉลี่ยชั่วโมงละ 250 บาท) อาจจะแพงกว่าจ้างแม่บ้าน 8 ชั่วโมง 1,600 บาท (เฉลี่ยชั่วโมงละ 200 บาท) ถ้าผู้ใช้บริการต้องการทำความสะอาดในพื้นที่ขนาดเล็ก 2-3 ชั่วโมงก็ถือเป็นราคาที่เหมาะสม แต่ถ้าเป็นการทำความสะอาดในพื้นที่ขนาดใหญ่ เลือกจองแบบทั้งวันก็จะอาจจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มมากกว่า 2. ปริมาณงานหรือขนาดพื้นที่หน้างาน โดยปกติการจ้างแม่บ้านออนไลน์จะเป็นงานทำความสะอาดพื้นฐานภายในบ้าน เช่น ปัด กวาด เช็ด ถู ดูดฝุ่น ล้างห้องน้ำ ทั่วไป แต่หากหน้างานของผู้ใช้บริการเป็นการทำความสะอาดแบบ Big Cleaning เช่น บ้านรีโนเวท ย้ายเข้าหรือย้ายออก ไม่ทำความสะอาดเป็นเวลานาน มีรีดผ้า ทำความสะอาดนอกบ้าน บางบริษัทก็อาจจะมีคิดค่าบริการเพิ่ม ราคาก็จะสูงขึ้นตามปริมาณงาน 3. พื้นที่ในการให้บริการ หากเป็นการให้บริการแม่บ้านออนไลน์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี) ราคาก็จะสูงกว่าพื้นที่ต่างจังหวัดอย่างแน่นอน เพราะทั้งเรื่องของค่าเดินทาง ค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน รวมถึงความต้องการใช้บริการที่มีมากกว่าในพื้นที่เมืองใหญ่ ขณะที่ต่างจังหวัดจะมีค่าครองชีพที่ต่ำกว่าทำให้ราคาถูกกว่านั่นเอง 4. จำนวนครั้งในการใช้บริการ จำนวนครั้งในการใช้บริการ มีผลโดยตรงกับราคา หากผู้ใช้บริการเลือกจองแม่บ้านแบบครั้งเดียวหรือใช้บริการเป็นครั้งคราว ราคาต่อครั้งจะสูงกว่าผู้ที่ใช้บริการแบบแพ็กเกจรายสัปดาห์/รายเดือน ยิ่งใช้บ่อยราคาต่อครั้งก็ยิ่งคุ้มค่าและประหยัดมากขึ้น ราคาต่อครั้งมักจะถูกลงมากกว่าและคุ้มค่ากว่าในระยะยาว วิธีเลือกแม่บ้านออนไลน์ให้คุ้มค่าที่สุด 1. เลือกราคาให้เหมาะสม ราคาเป็นปัจจัยแรกที่ผู้ใช้บริการควรพิจารณา ไม่จำเป็นต้องเลือกบริษัทที่มีราคาแม่บ้านถูกที่สุดเพราะความละเอียดของงานและคุณภาพของแม่บ้านที่ดี ผ่านการอบรม ผ่านประวัติอาชญากรรม ก็จะมีค่าใช้จ่ายในราคาที่สมเหตุสมผล อย่าลืมตรวจสอบราคาก่อนชำระเงินทุกครั้งว่ามีค่าใช้จ่ายใดเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น ค่าเดินทาง ค่าอุปกรณ์ทำความสะอาด มีค่ารีดผ้า เป็นต้น 2. ทดลองใช้บริการและเลือกแม่บ้านก่อน พิจารณาและเลือกแม่บ้านด้วยตัวเองก่อนจะดีที่สุด เลือกแม่บ้านให้ถูกใจและมีเวลาว่างตรงกับที่ต้องการ และเริ่มจองจาก 2-3 ชั่วโมงเพื่อประเมินคุณภาพการทำงานของแม่บ้านก่อน หากพึงพอใจก็สามารถที่จะจองต่อในระยะยาวได้ เพื่อความคุ้มค่าได้แม่บ้านคุณภาพที่ดีและประหยัดเวลาได้ใช้แม่บ้านคนเดิมไม่ต้องมาอธิบายงานหลายรอบ Bluuu เราให้ผู้ใช้บริการเลือกแม่บ้านและมีรีวิวจริงจากลูกค้า มีบริการแนะนำแม่บ้านในพื้นที่และแนะนำแม่บ้านที่ดีให้คุณได้พิจารณาแม่บ้านได้ง่ายและสะดวกมากที่สุด 3. เปรียบเทียบแม่บ้านหลายๆ บริษัท ตรวจสอบคุณภาพการทำงานของแม่บ้าน รีวิวจากลูกค้าจริงและราคาของบริษัทแม่บ้านออนไลน์หลายๆ บริษัท เลือกบริษัทที่ตอบโจทย์ทั้ง ราคา แม่บ้าน คุณภาพงาน และความสะดวกสบาย  ควรใช้บริการบริษัทที่มีโปรไฟล์แม่บ้านพร้อมรีวิวจากลูกค้าจริงให้เลือกก่อนตัดสินใจซื้อบริการ และต้องมีช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่ที่รวดเร็ว สำหรับแม่บ้าน Bluuu ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของเราได้ทุกวัน ตอบเร็วตอบไวทันใจทุกท่าน พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา 4. ตรวจสอบโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจ อย่าลืมตรวจสอบโปรโมชั่น ราคาส่วนลด หรือเปรียบเทียบราคาก่อน หลายบริษัทมักจะมี ราคาสำหรับแพ็กเกจหรือส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่ เพื่อจะได้ราคาและใช้โปรโมชั่นให้คุ้มค่าสูงสุดนั่นเอง โปรโมชั่น Bluuu สำหรับลูกค้าใหม่ Bluuu เรามีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยลองใช้บริการแม่บ้านออนไลน์กับเรามาก่อน รับไปเลย ส่วนลดพิเศษ 10% เพียงกรอกโค้ด "WELCOME10" ในหน้าชำระค่าบริการ สำหรับการจองแม่บ้านรายครั้งในครั้งแรกเท่านั้น คุ้มยิ่งกว่าคุ้มสุดๆ ใครยังไม่เคยลองใช้ รีบกดจองเลย สรุป การเลือกใช้บริการ “แม่บ้านออนไลน์” จะช่วยให้ชีวิตคุณสะดวกมากยิ่งขึ้น ประหยัดเวลา และยังสามารถควบคุมงบประมาณได้ง่าย คุณสามารถเลือกใช้บริการครั้งเดียว รายชั่วโมง รายครั้ง หรือจองเป็นแพ็กเกจรายสัปดาห์ รายเดือนเพื่อความคุ้มค่าก็ได้ ทั้งนี้การเลือกบริษัทแม่บ้านออนไลน์ที่เชื่อถือได้ เช่น แม่บ้านออนไลน์ Bluuu จะช่วยให้คุณมั่นใจทั้งเรื่อง คุณภาพแม่บ้าน ราคา และความคุ้มค่าอย่างแน่นอน ผู้เขียน  Nannicha P.

คุณเคยมีวันที่เหนื่อยมาก ๆ รู้สึกหมดแรง ทั้งร่างกายและหัวใจไหม? แล้วจู่ ๆ เจ้าแมวเหมียวเดินมานั่งตักเงียบ ๆ หรือหมาน้อยวิ่งมานอนซบข้าง ๆ เหมือนจะบอกว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ตรงนี้” … แค่นั้นก็รู้สึกว่าหัวใจเบาขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หลายคนเชื่อว่า การเลี้ยงสัตว์ช่วยแก้ซึมเศร้า ทำให้หัวใจอุ่นขึ้นและมีกำลังใจใช้ชีวิตต่อ แต่คำถามคือ… มันช่วยได้จริงไหม? หรือเป็นเพียงความรู้สึกชั่วคราว? วันนี้เราจะพาคุณเจาะลึกทั้งในมุมวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา และข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลี้ยงสัตว์เพื่อดูแลใจ ทำไมการเลี้ยงสัตว์ถึงช่วยเยียวยาใจ? การเลี้ยงสัตว์ช่วยให้เรารู้สึก "ไม่โดดเดี่ยว" เพราะพวกเขามอบความรักแบบไม่มีเงื่อนไข (Unconditional Love) สัตว์เลี้ยงไม่สนว่าคุณจะมีเงินมากหรือน้อย หน้าตาดีหรือไม่ สิ่งที่พวกเขาสนใจคือ “เราอยู่ตรงนี้กับเขาไหม” นอกจากนี้ การใช้เวลาอยู่กับสัตว์เลี้ยงยังช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดี เช่น: ออกซิโทซิน (Oxytocin): ฮอร์โมนแห่งความผูกพันและความรัก ซีโรโทนิน (Serotonin) และ โดพามีน (Dopamine): ช่วยปรับอารมณ์ให้สมดุลและเพิ่มความสุข ลดการหลั่ง คอร์ติซอล (Cortisol): ฮอร์โมนความเครียด เพราะแบบนี้แค่คุณนั่งลูบหัวแมว 10 นาที หรือเล่นกับสุนัขในสวน 15 นาที ก็สามารถรู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่า “เลี้ยงสัตว์แก้ซึมเศร้า” ได้ผล งานวิจัยในต่างประเทศ University of Missouri การลูบสุนัขเพียง 15 นาที สามารถลดระดับความดันโลหิตและคอร์ติซอลได้อย่างมีนัยสำคัญ (Handlin et al., 2011) Journal of Psychiatric Research (2016) ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่เข้าร่วมโปรแกรม Animal Assisted Therapy (AAT) เป็นเวลา 12 สัปดาห์ มีคะแนนภาวะซึมเศร้าลดลงเฉลี่ย 50% National Institutes of Health (NIH) ระบุว่าสัตว์เลี้ยงช่วยให้ผู้สูงอายุและคนที่อยู่ลำพังมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ลดความเหงา และมีเหตุผลในการใช้ชีวิตประจำวัน งานวิจัยในไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันศึกษา “สุนัขบำบัด” (Therapy Dogs) กับผู้ป่วยเด็กออทิสติกและผู้สูงอายุ ผลพบว่าผู้เข้าร่วมมีสมาธิและอารมณ์ดีขึ้นอย่างชัดเจน โรงพยาบาลจิตเวชบางแห่งในไทยเริ่มใช้กิจกรรมดูแลสัตว์ร่วมกับการบำบัดเพื่อช่วยผู้ป่วยซึมเศร้า มุมมองทางจิตวิทยา ทำไมสัตว์เลี้ยงช่วยใจเราได้? การดูแลสัตว์เลี้ยงทำให้เรามีเหตุผลในการลุกขึ้นจากเตียงทุกวัน : ไม่ว่าจะให้อาหาร พาไปเดินเล่น หรือทำความสะอาด สำหรับหลายคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ การเลี้ยงสัตว์กลายเป็นอีกหนึ่งวิธีสร้างความหมายในชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ที่คน Gen Z จำนวนมากเลือกเลี้ยงสัตว์แทนการมีลูก (คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Gen Z และสัตว์เลี้ยง: ทำไมคนรุ่นใหม่เลี้ยงสัตว์แทนลูก?) เป็น Safe Space ทางอารมณ์ : คุณสามารถพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงได้โดยไม่ต้องกลัวการตัดสิน ช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบัน (Mindfulness) : เวลาคุณเล่นกับแมวหรือพาสุนัขเดินเล่น คุณจะโฟกัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ซึ่งช่วยลดความคิดฟุ้งซ่าน กระตุ้นการเข้าสังคม : คนเลี้ยงหมามักได้รู้จักเพื่อนใหม่เวลาไปสวนสาธารณะ หรือเข้ากลุ่มออนไลน์คนรักสัตว์ สัตว์เลี้ยงประเภทไหนเหมาะกับการเยียวยาใจ? สัตว์เลี้ยงแต่ละประเภทมีเสน่ห์และบทบาทต่อการเยียวยาใจแตกต่างกัน  แมวเหมาะกับคนที่ชอบความสงบ ไม่ต้องการการดูแลตลอดเวลา พวกเขามักมอบความอบอุ่นเงียบ ๆ เพียงแค่นั่งใกล้ ๆ ก็ช่วยให้เจ้าของรู้สึกผ่อนคลาย  ส่วนสุนัขจะเหมาะกับคนที่ชอบทำกิจกรรมและออกกำลังกาย เพราะหมามีความกระตือรือร้นและติดเจ้าของมาก การพาสุนัขเดินเล่นยังช่วยให้เราได้ขยับร่างกายและออกไปเจอผู้คน สำหรับคนที่มีพื้นที่เล็ก  กระต่ายหรือนกก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะดูเพลินและน่ารัก แต่อาจต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดของกรง และถ้าคุณต้องการความสงบเงียบ ปลาสวยงามก็เป็นเพื่อนที่ดี เพียงแค่มองพวกเขาว่ายไปมาก็ช่วยลดความเครียดได้แล้ว ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยงสัตว์เพื่อแก้ซึมเศร้า ไม่ใช่การรักษาแทนแพทย์ ควรใช้เป็นตัวช่วยเสริม ต้องพร้อมรับผิดชอบตลอดอายุสัตว์เลี้ยง พิจารณาเรื่องค่าใช้จ่าย (อาหาร, วัคซีน, รักษาพยาบาล) คำนึงถึงเวลาที่สามารถให้สัตว์เลี้ยงได้จริง ใส่ใจเรื่องโภชนาการ การให้อาหารที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงของคุณแข็งแรงและมีอายุยืน โดยเฉพาะแมวที่มีความเสี่ยงต่อโรคนิ่ว ควรเลือกอาหารอย่างระมัดระวัง คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ กินอะไรไม่ให้เป็นนิ่ว? อาหารที่ช่วยป้องกันโรคนิ่วในแมว ถ้าไม่อยากเลี้ยงสัตว์ แต่ยังอยากได้ประโยชน์ทางใจ? อาสาดูแลสัตว์ในศูนย์พักพิง ไปคาเฟ่แมวหรือคาเฟ่หมา เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเสมือนในเกมเพื่อความเพลิดเพลิน สัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่เพื่อนคลายเหงา แต่คือ “ครอบครัว” ที่ช่วยเยียวยาจิตใจในวันที่เราท้อแท้ ทั้งในมุมวิทยาศาสตร์ (ลดคอร์ติซอล เพิ่มออกซิโทซิน) และในมุมความรู้สึก (มอบความรักและการยอมรับแบบไม่มีเงื่อนไข) ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีดูแลหัวใจของตัวเอง การเลี้ยงสัตว์อาจเป็นคำตอบ แต่ต้องจำไว้ว่าพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความรัก การดูแล และความรับผิดชอบจากเราเช่นกัน ❤️ และถ้าคุณอยากอ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตกับสัตว์เลี้ยง รวมถึงเคล็ดลับดูแลบ้านให้น่าอยู่ ลองแวะไปดูได้ที่ Bluuu เว็บไซต์ที่รวบรวมเรื่องราวและบริการเกี่ยวกับบ้านและสัตว์เลี้ยงไว้ครบในที่เดียว เกี่ยวกับผู้เขียน Waralak P.

พื้นบ้านคือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อบรรยากาศ ความรู้สึก และสไตล์โดยรวมของบ้าน “พื้นไม้” ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานเพราะให้ความรู้สึกอบอุ่น คลาสสิก และเป็นธรรมชาติ แต่พื้นไม้ในปัจจุบันมีหลากหลายแบบ หลากหลายวัสดุ จนอาจทำให้เจ้าของบ้านหลายคนสับสนว่า แบบไหนคือแบบที่ใช่สำหรับบ้านของตัวเอง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับประเภทของพื้นไม้แต่ละแบบ ทั้งไม้จริง ไม้วิศวกรรม ลามิเนต SPC ปาร์เกต์ และไม้ทางเลือก พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย วิธีเลือกให้เหมาะกับบ้าน ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณของคุณแบบครบถ้วน พร้อมเทรนด์พื้นไม้ปี 2025 ที่ไม่ควรพลาด! ประเภทของพื้นไม้ยอดนิยม 1. พื้นไม้จริง (Solid Hardwood) พื้นไม้จริง คือ วัสดุที่นิยม เช่น  ไม้จริงเป็นวัสดุที่มีการใช้งานมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีต ผลิตจากไม้ธรรมชาติทั้งแผ่น ไม่มีชั้นประกอบ มีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน และให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติ โดยไม้ที่นิยมใช้มักเป็นไม้เนื้อแข็ง  เช่น ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้มะค่า และไม้สัก  ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งที่ทนทานและให้ลวดลายสวยงาม แม้ว่าไม้จริงจะมีราคาสูงกว่าวัสดุประเภทอื่น เนื่องจากหาได้ยากและต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณา เช่น การยืดหดตามสภาพอากาศ และความเสี่ยงต่อการถูกปลวกรบกวน ข้อดี: อายุการใช้งานยาวนาน (30 ปีขึ้นไป) สามารถขัดทำสีใหม่ได้หลายรอบ เพิ่มมูลค่าให้บ้าน ลวดลายไม้สวยงามตามธรรมชาติ ข้อเสีย: ราคาสูง บิดโก่งหรือหดตัวได้ตามอุณหภูมิและความชื้น ติดตั้งใช้เวลานาน ต้องปูด้วยช่างฝีมือ 2. พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered Wood) พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ผลิตจากไม้จริงแผ่นบางด้านบน (Veneer) ประกบกับแผ่นไม้หลายชั้นด้านล่าง ผลิตจากไม้แผ่นบางซ้อนกันในลักษณะไขว้ เพิ่มความแข็งแรง  เช่น HDF หรือ Plywood โดยออกแบบให้ทนต่อการบิดโก่งได้ดีกว่าไม้จริง ข้อดี: ทนต่อความชื้นได้มากกว่าไม้จริง ราคาย่อมเยากว่าไม้จริง ติดตั้งง่าย มีระบบคลิกล็อกบางรุ่น ผิวสัมผัสเหมือนไม้จริง ข้อเสีย: ขัดใหม่ได้จำกัด (ประมาณ 1-3 ครั้ง) ความหนาของชั้นไม้จริงด้านบนมีผลต่อคุณภาพ 3. พื้นไม้ลามิเนต (Laminate Flooring) พื้นลามิเนตถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกทดแทนไม้จริง โดยใช้วัสดุทั้งจากธรรมชาติและสังเคราะห์ผสมกัน ทำให้มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับไม้จริงในแง่ของรูปลักษณ์และสัมผัส แต่มีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า  ข้อดี: ราคาถูกที่สุดในบรรดาพื้นไม้ทั้งหมด ลวดลายหลากหลาย สีสันทันสมัย ติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้น้ำยา มีรุ่นกันรอยขีดข่วนและรอยกระแทก ข้อเสีย: ไม่ทนน้ำ เมื่อเปียกจะบวมเสียหาย ผิวไม่เหมือนไม้จริง 100% อายุการใช้งานสั้น (10-15 ปี) 4. พื้นไม้ SPC (Stone Plastic Composite) พื้นไม้ SPC เป็นวัสดุปูพื้นที่ผลิตจากส่วนผสมของพลาสติกและหิน ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความแข็งแรงและความคงทนต่อการใช้งาน ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความยืดหยุ่นและลวดลายที่สวยงามคล้ายไม้ธรรมชาติไว้ได้อย่างดี วัสดุประเภทนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อนำจุดเด่นของวัชพืชหลายชนิดมารวมกัน เช่น ความทนทานจากลามิเนต และคุณสมบัติกันน้ำจากไวนิล ข้อดี: กันน้ำ กันปลวก 100% แข็งแรง ทนแรงกระแทกได้ดี ติดตั้งง่ายมาก ไม่ต้องใช้กาว ผิวลายไม้สมจริง มี texture ให้เลือกหลากหลาย ข้อเสีย: เดินแล้วอาจรู้สึกแข็งและเย็น เสียงเดินอาจดังกว่าพื้นไม้ทั่วไป 5. พื้นไม้ปาร์เกต์ (Parquet) พื้นไม้ปาร์เกต์คือเป็นวัสดุปูพื้นที่ทำจากไม้แท้เช่นเดียวกับพื้นไม้จริง แต่มีเอกลักษณ์ตรงที่ไม้จะถูกตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำมาเรียงต่อกันเป็นลวดลายที่สวยงามตามต้องการ เช่น ลายก้างปลา (Herringbone), ลายขวางสลับ (Chevron) หรือแม้แต่ลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ข้อดี: สวยงาม มีเอกลักษณ์ ลวดลายหลากหลายให้เลือก เหมาะกับบ้านสไตล์คลาสสิกหรือโมเดิร์น ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าลายไม้เรียบทั่วไป ต้องติดตั้งโดยช่างมืออาชีพ 6. พื้นไม้ไผ่ / ไม้รีไซเคิล / ไม้เทียมทางเลือก วัสดุเหล่านี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ไม้ไผ่ ไม้พลาสติกรีไซเคิล หรือไม้ผสมไฟเบอร์ และผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ทำให้ได้พื้นไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และรับมือกับทุกสภาพอากาศได้ดี ไม่ว่าจะเป็นแดดจัดหรือฝนตกหนัก พื้นไม้ไผ่ยังคงรักษารูปทรง ไม่บิด งอ หรือหดตัว นอกจากนี้ยังสามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่าพื้นไม้ทั่วไป  ข้อดี: น้ำหนักเบา เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ดีไซน์หลากหลาย ทนปลวกและความชื้นได้ดี ข้อเสีย: ราคาและคุณภาพต่างกันมาก ต้องเลือกให้ดี ตารางเปรียบเทียบพื้นไม้แต่ละประเภท วิธีเลือกพื้นไม้ให้เหมาะกับบ้านคุณ การเลือกพื้นไม้ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังรวมถึงการใช้งาน อายุการใช้งาน การดูแลรักษา และงบประมาณ ต่อไปนี้คือปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา: 1. งบประมาณ หากคุณมีงบประมาณสูงและต้องการวัสดุธรรมชาติแท้ พื้นไม้จริงคือทางเลือกที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้างบจำกัด ลามิเนตหรือ SPC ก็ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ลามิเนตให้ลวดลายเสมือนไม้จริงในราคาย่อมเยา ติดตั้งง่าย และมีให้เลือกหลายระดับราคา ส่วนพื้น SPC เป็นวัสดุที่โดดเด่นเรื่องความทนทานและกันน้ำได้ 100%  2. ลักษณะการใช้งาน บ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงควรให้ความสำคัญกับการเลือกวัสดุปูพื้นที่มีความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทก และสามารถกันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีคุณสมบัติกันน้ำ 100% แข็งแรง ไม่บวมหรือพองง่าย และดูแลรักษาง่าย อีกทั้งยังให้ลวดลายคล้ายไม้ธรรมชาติ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ พื้นไม้ไผ่คุณภาพสูง ซึ่งมีความทนทานต่อความชื้นและสภาพอากาศได้ดีเยี่ยม ไม่หดตัวหรือบิดงอ และยังเป็นวัสดุธรรมชาติที่ปลอดภัยต่อเด็กและสัตว์เลี้ยง 3. สไตล์การตกแต่ง สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการตกแต่งบ้านให้กลมกลืนกับสไตล์โดยรวม การเลือก ลวดลายและโทนสีของพื้นไม้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม บ้านสไตล์มินิมอล หรือ สไตล์ญี่ปุ่น มักเหมาะกับ พื้นไม้โทนสีอ่อน รวมถึงลวดลายไม้ที่เรียงตัวตรง (straight grain) ซึ่งช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านดูโปร่งโล่งและสงบสบาย ในขณะที่ บ้านสไตล์คลาสสิก ซึ่งเน้นความหรูหรา มีดีเทล และบรรยากาศอบอุ่นเป็นทางการ มักเหมาะกับพื้นไม้ที่มีลวดลายพิเศษ เช่น ลายปาร์เกต์ ไม่ว่าจะเป็นลาย Herringbone (ลายก้างปลา), Chevron (ขวางสลับหัวแหลม) หรือแม้แต่ลายหรูอย่าง Versailles ซึ่งสามารถเติมเต็มความรู้สึกหรูหราแบบยุโรปดั้งเดิมได้อย่างลงตัว 4. พื้นที่ติดตั้ง ห้องนั่งเล่น/ห้องนอน: ไม้จริง, ไม้วิศวกรรม, ลามิเนต ห้องครัว/ห้องน้ำ: SPC, ไม้ไผ่, พื้นไวนิลลายไม้ พื้นที่กลางแจ้ง: ไม่แนะนำพื้นไม้ภายใน ควรเลือกวัสดุกลางแจ้งโดยเฉพาะ เช่น พื้นไม้ไผ่  สรุป: พื้นไม้แบบไหนเหมาะกับคุณ? การเลือกพื้นไม้ที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณรู้จักประเภทของพื้นไม้ จุดเด่น จุดด้อย และเทรนด์ล่าสุดในปี 2025 ที่บทความนี้ได้สรุปไว้ทั้งหมด ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาพื้นไม้ที่ให้ความหรูหราแบบธรรมชาติ หรือวัสดุทันสมัยกันน้ำที่ดูแลง่าย อย่าลืมคำนึงถึงการใช้งานจริง ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณ เพื่อให้ได้พื้นไม้ที่อยู่กับบ้านคุณได้นาน และเติมเต็มบรรยากาศบ้านให้น่าอยู่ในแบบที่คุณตั้งใจ อย่าลืมว่า "พื้นไม้" ที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องตอบโจทย์ชีวิตจริงของคุณด้วย หากพื้นที่บ้านคุณสวยแล้ว บ้านต้องสวยด้วยเช่นกันค่ะ หากคุณมีเวลาที่จำกัด ให้ Bluuu บริการแม่บ้านออนไลน์ ช่วยดูแลบ้านให้คุณได้ทุกเมื่อนะคะ  เกี่ยวกับผู้เขียน Waralak.P

แม่บ้านเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ เพราะความสามารถ ความรู้และประสบการณ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนที่อยากเริ่มต้นกับอาชีพแม่บ้าน แต่ยังไม่มีประสบการณ์ แนะนำให้ค่อยๆศึกษาและลงมือทำดูนะคะ แม่บ้านมือใหม่หลายคน อาจยังไม่รู้จัก “น้ำยาดันฝุ่น” ว่ามีความสำคัญกับการทำความสะอาดอย่างไร และใช้งานแบบไหน บทความนี้ผู้เขียนจะพาไปรู้จักกับประโยชน์และวิธีใช้น้ำยาดันฝุ่น แม่บ้านมือใหม่เรียนรู้ได้ ไม่ยากเลยค่ะ น้ำยาดันฝุ่นคืออะไร ? “น้ำยาดันฝุ่น” (Dust Mop Treatment)  เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดพื้น สำหรับช่วยดักจับฝุ่นละอองบนพื้นหรือพื้นผิวต่างๆ โดยไม่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย เหมาะสำหรับพื้นไม้ กระเบื้อง หิน หรือพื้นที่ที่ต้องการความสะอาดปราศจากฝุ่น และนอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพในการเคลือบเงาพื้นผิว และเฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วย  พื้นผิวแบบไหนที่สามารถใช้น้ำยาดันฝุ่นได้บ้าง มีแม่บ้านหลายคนที่กังวลเรื่องการใช้งานน้ำยาบนพื้นผิว ซึ่งน้ำยาดันฝุ่น สามารถใช้ได้กับพื้นผิวภายในบ้าน อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงงานหรือโกดังเก็บของที่เป็นพื้นที่ปิด โดยสามารถทำความสะอาดได้อย่างเป็นประจำ ไม่มีสารกัดกร่อนที่เป็นอันตรายต่อพื้นผิว แต่จะช่วยทำความสะอาดเก็บฝุ่น และคราบสกปรก โดยพื้นผิวที่สามารถใช้ได้มีดังนี้  พื้นกระเบื้อง พื้นปูนขัดมัน  : เป็นพื้นที่มีความแข็งแรง ไม่มีปัญหาเรื่องความชื้น สามารถใช้น้ำยาได้ตามปกติ ใช้ดันฝุ่นก่อนถูพื้น หรือใช้ในขั้นตอนหลังก็ได้ แต่ควรใส่แต่พอดี เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นลื่นมากเกินไป  พื้นกระเบื้องยาง SPC : เหมาะกับการใช้น้ำยาดันฝุ่นเพราะพื้นชนิดนี้ไม่ทนต่อการถูด้วยน้ำยาถูพื้นเปียก และความชื้น แต่หากเป็นกระเบื้องยางแบบหน้ามันอยู่แล้ว ควรใช้น้ำยาในปริมาณน้อย พื้นหินอ่อน : เป็นพื้นผิวที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ไม่สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เป็นกรดได้ แต่สำหรับน้ำยาดันฝุ่น สามารถใช้กับพื้นผิวหินอ่อนได้ เนื่องจากจะช่วยเคลือบหินอ่อนให้เงางาม มีความคงทนต่อรอยขีดข่วนมากยิ่งขึ้น  พื้นไม้ลามิเนต : ปกติแล้วพื้นไม้ลามิเนตเหมาะกับการทำความสะอาดด้วยน้ำยาดันฝุ่น เพราะใช้น้ำในการทำความสะอาดไม่เยอะ ไม่ทำให้ไม่เกิดความชื้นลงบนพื้นไม้  พื้นไม้แท้  : การใช้น้ำยาดันฝุ่นกับพื้นไม้แท้ ควรฉีดน้ำยาแค่เล็กน้อยใส่ผ้าดันฝุ่น เพราะหากใส่น้ำยามากเกินไปบนผิวไม้แท้ อาจทำให้พื้นลื่นและมันมากเกินไป อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการดันฝุ่น ไม้ดันฝุ่น : สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป โดยสามารถศึกษาได้จากบทความ > ไม้ดันฝุ่นคืออะไร พร้อมแนะนำ 7 ไม้กันฝุ่นยอดฮิตติดบ้าน ผ้าดันฝุ่น : มีทั้งลักษณะเป็นแบบผ้าฝ้าย และผ้าไมโครไฟเบอร์​ ใช้คู่กันกับไม้ดันฝุ่น ฟ็อกกี้ : หากซื้อน้ำยาดันฝุ่นเป็นแบบแกลอนให้เทแบ่งใส่ในฟ็อกกี้เพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น  วิธีใช้น้ำยาดันฝุ่น ก่อนลงน้ำยาดันฝุ่น หากพื้นที่มีเศษขยะชิ้นใหญ่ๆแนะนำให้เก็บทิ้งก่อน และทำตามขั้นตอนดังนี้ค่ะ ใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำยาดันฝุ่นลงบนผ้าดันฝุ่น หรือผ้าม็อบ 2-4 ครั้ง ไม่จำเป็นต้องฉีดเยอะมากเกินไป  2. ทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้น้ำยาซึมเข้าผ้า  3. นำผ้าไปถูในบริเวณที่ต้องการ  4. เมื่อถูเสร็จ สามารถนำผ้าไปสะบัดฝุ่นออกและซักให้สะอาด  ระหว่างถูพื้น หากพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง สามารถฉีดน้ำยาอีกได้เรื่อยๆ แต่ค่อยๆฉีดทีละน้อย  เมื่อเห็นว่าฝุ่นติดที่ผ้าหนาเกินไปสามารถนำไปซักน้ำ หรือสะบัดฝุ่นออกก่อน สามารถใช้น้ำยาดันฝุ่นได้ทั้งก่อนและหลังการทำความสะอาดพื้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และชนิดของน้ำยา ข้อดีและข้อเสีย ของการใช้น้ำยาดันฝุ่น ข้อดี 1. ลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น : น้ำยาดันฝุ่นช่วยให้ฝุ่นจับตัวกับผ้าม็อบหรือผ้าทำความสะอาดโดยไม่ลอยขึ้นในอากาศ ทำให้ไม่ระคายเคืองทางเดินหายใจ และลดการแพ้ฝุ่น 2. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด : ฝุ่นและเศษผงจะถูกดึงติดกับผ้ามากขึ้น ไม่หลุดรอดหรือตกค้าง ช่วยให้พื้นที่สะอาดกว่าเดิม 3. ประหยัดเวลา : การใช้น้ำยาดันฝุ่นสามารถลดขั้นตอนในการทำความสะอาด เช่น ไม่ต้องกวาดซ้ำหลายรอบ ทำให้แม่บ้านทำงานได้เร็วขึ้น 4. ช่วยยืดอายุพื้นผิว : การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมช่วยลดรอยขีดข่วนจากฝุ่นทราย และลดการเสื่อมสภาพของวัสดุปูพื้น 5. เหมาะกับพื้นที่กว้าง : เช่น อาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า หรือโชว์รูม ที่มีการเคลื่อนไหวเยอะและมีฝุ่นสะสมบ่อย ข้อเสีย 1. อาจทิ้งคราบเหนียวหากใช้มากเกินไป : หากฉีดน้ำยาลงบนผ้ามากเกินไป อาจทำให้เกิดคราบเหนียว หรือทิ้งคราบมันบนพื้น ทำให้ดูไม่สะอาด เดินแล้วเหนียวเท้า 2. ต้องเลือกสูตรให้เหมาะกับพื้นผิว : บางสูตรไม่เหมาะกับพื้นไม้จริงหรือพื้นผิวที่ไวต่อสารเคมี เช่น หินอ่อน เพราะอาจทำให้พื้นหมองหรือเสียหายได้ 3. ต้องใช้อย่างระมัดระวังในพื้นที่ลื่น : ถ้าใช้น้ำยามากหรือพื้นไม่แห้งดี อาจทำให้พื้นลื่น เสี่ยงต่อการลื่นล้ม เกิดอุบัติเหตุได้ 4. อาจมีส่วนผสมของสารเคมี : บางยี่ห้อมีสารระเหยหรือสารแต่งกลิ่นที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ควรศึกษาจากข้างฉลากให้ดีก่อนเลือกซื้อ ทำไมแม่บ้านมืออาชีพจึงเลือกใช้น้ำยาดันฝุ่น? น้ำยาดันฝุ่นช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาด ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้กวาด เพราะอาจทำให้ฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย หากเป็นพื้นที่มีฝุ่นสะสมหนา นอกจากนี้ยังเพิ่มคุณภาพงานบริการและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอีกด้วย  แม่บ้านท่านใดยังไม่เคยใช้น้ำยาดันฝุ่น อย่าลืมไปทดลองใช้ดูนะคะ รับรองว่าพื้นสะอาดถูกใจลูกค้าแน่นอน บทความหน้าผู้เขียนจะมาแนะนำ ยี่ห้อของน้ำยาดันฝุ่น ที่หาซื้อตามง่าย ราคาไม่แพงกันค่ะ  หรือหากแม่บ้านท่านใดสนใจงาน แม่บ้านออนไลน์ สามารถอ่านรายละเอียดในการสมัครได้ที่ สมัครงานแม่บ้านออนไลน์ Bluuu เกี่ยวกับผู้เขียน Uthaiwan B.

ในยุคที่ชีวิตหมุนเร็วไม่แพ้โลก หลายคนเริ่มหันกลับมาหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ และหนึ่งในวิธีที่ช่วยได้ดีที่สุดก็คือ การเดินทางไปไหว้พระ โดยเฉพาะในสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังศรัทธา และมีเรื่องเล่าเก่าแก่ผูกโยงกับความเชื่ออย่างลึกซึ้ง ฮ่องกง คือหนึ่งในจุดหมายอันดับต้น ๆ ของสายมูทั่วเอเชีย ด้วยวัดศักดิ์สิทธิ์มากมายที่พร้อมมอบพรดี ๆ ให้กับชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน เงิน ความรัก สุขภาพ หรือแม้แต่ความสงบในใจ และสำหรับใครที่กำลังวางแผนไปไหว้พระฮ่องกงเป็นครั้งแรก หรืออยากไปเสริมดวงแบบเจาะลึก วันนี้เรารวบรวมไว้ให้ครบแล้วครับ ทั้ง 8 วัดศักดิ์สิทธิ์ บทสวดที่ใช้ได้จริง วิธีการขอพร และวิธีการเดินทางที่สะดวกสุดๆ วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple)  วัดหวังต้าเซียน ถือเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมของใครหลายคนที่มาไหว้พระฮ่องกง อย่างเป็นเรื่องเป็นราว โดยเฉพาะในเรื่องการขอพรเกี่ยวกับสุขภาพ การหายป่วย และอายุยืน ท่านหวังต้าเซียนเป็นเทพเจ้าที่มีต้นกำเนิดจากนักพรตในตำนานที่ใช้สมุนไพรช่วยรักษาคนป่วย และกลายเป็นเทพที่มีเมตตาสูง หลายคนรู้จักกันในชื่อ วัดเทพสมปรารถนา ถือเป็นวัดยอดฮิตอันดับต้น ๆ สำหรับสายมูเตลูที่ไปไหว้พระฮ่องกง เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่อง ความแม่นในการขอพร โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ การเรียน การงาน และความรัก ที่สำคัญคือ ขออะไรก็ได้ สมชื่อวัดเทพสมปรารถนาอย่างแท้จริง เมื่อเข้าไปภายในวัด คุณจะได้กลิ่นธูปที่อบอวลไปทั้งบริเวณ ศาลหลักจะมีรูปปั้นของท่านหวังต้าเซียนตั้งอยู่ การขอพรนั้นเริ่มจากการจุดธูป 3 ดอก ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วกล่าวในใจว่า “โอม หวังต้าเซียน โอม ฮ่วยเหล่งฮงฉ่วย” จากนั้นไปที่ศาลด้านข้างเพื่อทำพิธีเสี่ยงเซียมซี ซึ่งหลายๆคนเชื่อว่าแม่นยำมาก สิ่งที่ไม่ควรพลาดอีกอย่างคือ เทพเฒ่าจันทรา เทพด้านความรักที่สายโสดนิยมมาอธิษฐาน ขอเนื้อคู่ พร้อมผูกด้ายแดงเสริมดวง หรือพาคู่รักมาขอพรเรื่องความสัมพันธ์ให้มั่นคง การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีเขียว (Kwun Tong Line) มาลงสถานี Wong Tai Sin แล้วใช้ทางออก B3 เดินตรงประมาณ 3 นาที จะพบวัดอยู่ด้านซ้าย พิกัด: วัดหวังต้าเซียน คลิ๊กที่นี่   วัดเจ้าแม่กวนอิม ฮุงฮอม หรือ ฮองฮำ (Kwun Yum Temple, Hung Hom)  อีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของการไหว้พระฮ่องกงที่สายมูไม่ควรพลาด วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านฮองฮำ เป็นศาลเจ้าขนาดกลางที่สงบและเปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธา เจ้าแม่กวนอิมในความเชื่อจีน คือเทพโพธิสัตว์แห่งความเมตตา คอยปกป้องผู้ทุกข์ยาก และมักได้รับการขอพรในเรื่อง ความรัก ความสัมพันธ์ และความสงบในครอบครัว โดยเฉพาะใครที่ต้องการ ขอเงินจากฟ้า เสริมโชคลาภแบบไม่ต้องเปิดเผย หรืออยากสะเดาะเคราะห์แบบเรียบง่ายแต่ได้ผลแรง ๆ ต้องห้ามพลาดวัดนี้เด็ดขาด วัดเจ้าแม่กวนอิม ฮุงฮอม เป็นวัดเก่าแก่ที่ชาวบ้านในย่าน Hung Hom สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจให้กับผู้คนโดยเฉพาะในช่วงที่ชีวิตมีอุปสรรค วัดนี้มีชื่อเสียงที่สุดจากพิธีประจำปีที่เรียกว่า “ขอเงินจากฟ้า” (Fa Tan) ซึ่งจัดขึ้นในคืนวันที่ 26 เดือน 1 ตามปฏิทินจีน เป็นคืนที่เชื่อกันว่าฟ้าจะเปิด และพรเกี่ยวกับโชคลาภจะถูกส่งขึ้นไปถึงสวรรค์โดยตรง เมื่อเดินเข้าไปในวิหารกลาง คุณจะพบองค์เจ้าแม่กวนอิมประทับในอิริยาบถอ่อนโยน ทรงชุดขาวนวล และเปี่ยมด้วยเมตตา ให้จุดธูป 3 ดอก พร้อมกล่าวในใจว่า ตั้งจิตอธิษฐาน ระบุชื่อ–นามสกุล วันเกิด และเรื่องที่ต้องการขอ เช่น “ขอให้ค้าขายดี ไม่มีหนี้ เงินไม่ขาดมือ”  จากนั้นสามารถซื้อกระดาษแดงพิมพ์คำอธิษฐานเพื่อขอพรพิเศษในช่วงเทศกาล หรือนำดอกไม้บูชาเพื่อเสริมแรงบุญ การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีม่วง (Tuen Ma Line) มาลงสถานี Ho Man Tin ใช้ทางออก A2 เดินต่อประมาณ 7–10 นาที หรือจะนั่งแท็กซี่จากสถานี Hung Hom ก็ได้ พิกัด: วัดเจ้าแม่กวนอิม ฮุงฮอม  คลิ๊กที่นี่ วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple)  หากคุณกำลังมองหาวัดสายมูที่ขึ้นชื่อเรื่อง “การเปลี่ยนดวง” แก้ปีชง เสริมโชค ล้างเคราะห์หนักให้เบาลง หรืออยากรีเซตพลังชีวิตแบบเต็มระบบ ในทริปไหว้พระฮ่องกง ต้องห้ามพลาด วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple) วัดยอดนิยมที่มีคนฮ่องกงแห่กันมาไหว้ทุกปี โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนและวันเปลี่ยนปีนักษัตร วัดแชกงหมิวตั้งอยู่ที่ย่าน Sha Tin ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่ แม่ทัพแชกง ผู้เป็นขุนพลผู้ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และมีอำนาจในการขจัดสิ่งชั่วร้าย ป้องกันภัย และปราบโรคระบาด วัดนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนมาขอพรให้ชีวิตราบรื่น แคล้วคลาดจากอุปสรรค และเปลี่ยนดวงชะตาให้ดีขึ้น เริ่มต้นด้วยการจุดธูป 3 ดอก พร้อมตั้งจิตให้แน่วแน่ กล่าวว่า “ขอให้ข้าพเจ้าพ้นเคราะห์ เสริมโชค ล้างกรรม และมีสติในการดำเนินชีวิต” จากนั้นไปหมุนกงล้อมหามงคล 3 รอบตามเข็มนาฬิกา หากต้องการแก้เคล็ด หรือหมุนทวนหากต้องการรักษาโชคดีเดิม เชื่อกันว่าเสียงกงล้อจะปลุกพลังบวกให้ฟื้นกลับมา คุณยังสามารถซื้อยันต์แชกงกลับไปพกติดตัวหรือติดหน้าบ้านเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้อีกด้วย การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีม่วง (Tuen Ma Line) ลงสถานี Tai Wai ใช้ทางออก B แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาทีตามป้าย Che Kung Temple พิกัด: วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple) คลิ๊กที่นี่  วัดเจ้าแม่กวนอิม อิมรีพัลส์เบย์ (Kwun Yam Shrine) วัดเจ้าแม่กวนอิม อิมรีพัลส์เบย์ เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของสายมูที่เดินทางมาไหว้พระฮ่องกง ด้วยบรรยากาศริมทะเลที่เงียบสงบ ผสมผสานกับความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้าแห่งความเมตตาและการคุ้มครองผู้คน ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนฮ่องกงและนักท่องเที่ยวนิยมมาขอพรเรื่องการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ โดยเฉพาะใครที่อยากขอเรื่องโชคลาภและอายุยืน ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด จุดเด่นของวัดนี้คือองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งอยู่ริมอ่าว Repulse Bay พร้อมสะพานสีแดงที่เชื่อกันว่า หากเดินข้ามจะช่วยยืดอายุออกไปอีก 3 ปี แต่มีข้อแม้ว่าห้ามหันกลับมาเดินย้อนโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้พรขาดช่วง ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญของวัดนี้เลยทีเดียว การเริ่มต้นขอพรที่นี่ให้ได้ผลดีที่สุดคือ ให้เริ่มที่การไหว้เจ้าแม่กวนอิม โดยยืนตรงกระเบื้องสีขาวหน้าองค์ท่าน แล้วกล่าวคำอธิษฐานในใจ ระบุชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสิ่งที่ต้องการอย่างชัดเจน ใครที่รู้สึกว่าตนเองดวงตกหรือเจอเคราะห์บ่อย ๆ แนะนำให้เริ่มต้นทริปไหว้พระฮ่องกงที่นี่ เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และเปิดทางก่อนจะไปวัดอื่น อีกหนึ่งไฮไลต์ที่สายมูชอบมากคือ ศาลาแปดเหลี่ยม ที่ต้องยืนหันหน้าออกทะเล แล้วใช้นิ้วเขียนเลข 8 บนแท่นหิน เพราะเลข 8 ตามความเชื่อจีนคือสัญลักษณ์ของโชคลาภและความไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนี้ยังมีเทพแห่งโชคลาภและเทพด้านความรักให้สักการะครบ เหมาะกับคนที่ต้องการขอพรหลายด้านในที่เดียว ส่วนใครที่ต้องการเสริมดวงด้านการเงิน ให้นำธนบัตรไทย เช่น 20, 50, หรือ 100 บาท มาถูที่รูปปั้นเทพแห่งความมั่งคั่ง (เทพ Choi Sun) แล้วนำใส่กระเป๋าสตางค์ ห้ามนำมาใช้ เพราะเชื่อว่าจะดูดโชคเข้ามาแบบไม่ขาดสาย ส่วนใครที่อยากมีบุตร ก็ให้ไปถูพุงของเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ (Sang Gak Jai) พร้อมกล่าวขอพรอย่างตั้งใจ แม้จะเป็นวัดที่เน้นด้านมงคลโดยทั่วไป แต่ความสงบร่มรื่นของริมทะเล และความครบถ้วนของเทพแต่ละด้าน ทำให้วัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้กลายเป็น วัดที่คนฮ่องกงแนะนำให้ไปไหว้ก่อนวัดอื่น เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้การขอพรที่อื่นได้ผลแรงขึ้น การเดินทาง: นั่ง MTR มาลงสถานี Central ใช้ทางออก A2 จากนั้นต่อรถบัสสาย 6, 6A, 6X, 66 หรือ 260 ไปลงที่ Repulse Bay Beach แล้วเดินต่ออีกประมาณ 700 เมตร พิกัด: วัดเจ้าแม่กวนอิม อิมรีพัลส์เบย์ (Kwun Yam Shrine) คลิ๊กที่นี่ วัดหม่าโจ้ว (Tin Hau Temple)  วัดหม่าโจ้ว หรือที่รู้จักในชื่อ วัดทินโห่ว (Tin Hau Temple) คือวัดที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและความเชื่อของชาวฮ่องกงมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับทะเล เรือ และการเดินทาง เพราะองค์เทพหม่าโจ้ว หรือ ทินโห่ว คือ เทพีแห่งท้องทะเล ผู้ปกป้องผู้คนให้แคล้วคลาดจากอันตราย และยังเป็นเทพที่ชาวจีนเคารพกันอย่างกว้างขวางทั่วเอเชีย หากคุณกำลังวางแผน ไหว้พระฮ่องกง และต้องการขอพรเรื่องความปลอดภัย ความราบรื่นในการเดินทาง รวมถึงการปกป้องจากเคราะห์ภัยทั้งหลาย วัดหม่าโจ้วคือจุดหมายที่ควรแวะให้ได้ โดยเฉพาะก่อนเริ่มเดินทาง หรือลุยโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ที่ต้องอาศัยแรงคุ้มครอง แม้วัดนี้จะมีหลายแห่งทั่วฮ่องกง แต่ วัด Tin Hau ที่ย่าน Causeway Bay ถือเป็นวัดดั้งเดิมที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1747 (กว่า 270 ปีมาแล้ว) โดยคนในตระกูลที่เป็นชาวประมง ซึ่งมีประสบการณ์รอดตายจากพายุทะเลด้วยการอธิษฐานต่อเทพหม่าโจ้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดนอกจากองค์เทพหม่าโจ้ว ยังมีองค์เทพแห่งโชคลาภ เทพแห่งสุขภาพ และเทพเจ้าดาวทั้ง 7 (ดาวโชค ดาวอายุ ดาวความสำเร็จ ฯลฯ) ให้ขอพรได้หลายด้านพร้อมกัน ถือว่าเป็นวัดที่เหมาะกับการไหว้เพื่อ ป้องกันภัย + เสริมดวงรวมทุกด้าน วิธีขอพรแบบสายมูนิยมกันคือ จุดธูป 3 ดอก และอธิษฐานระบุชื่อ–นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสิ่งที่ต้องการ เช่น “ขอให้ …(ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด)... เดินทางปลอดภัย งานราบรื่น รวยๆเฮงๆ” หลังจากไหว้แล้ว ให้เคาะระฆังเบา ๆ ที่หน้าศาลเจ้า เพื่อให้พรสะเทือนสู่สวรรค์ อีกเคล็ดลับคือ ให้พก ยันต์หม่าโจ้ว กลับบ้าน หรือพกติดกระเป๋าเดินทาง เชื่อว่าจะปกป้องจากเคราะห์ร้ายและพลังลบต่าง ๆ ได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงที่ดวงตกหรือเจอปัญหารอบด้าน การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีฟ้า (Island Line) ลงสถานี Tin Hau ใช้ทางออก A1 เดินย้อนถนน King's Road ประมาณ 2–3 นาที จะพบวัดอยู่ทางซ้าย พิกัด: วัดหม่าโจ้ว (Tin Hau Temple) คลิ๊กที่นี่  วัดหม่านโหมว (Man Mo Temple)  วัดหม่านโหมวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขอพรเรื่องสติปัญญา ความรู้ และการเรียน ที่นี่เป็นวัดที่มีชื่อเสียงเรื่อง การขอพรให้ฉลาด เรียนเก่ง เจรจาสำเร็จ และได้รับความยุติธรรม โดยเฉพาะในหมู่นักเรียน ทนาย ผู้ประกอบการ และนักลงทุน วัดหม่านโหมวสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1847 และถือเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง ตั้งอยู่ใจกลางย่าน Sheung Wan เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนตั้งแต่ยุคที่ฮ่องกงยังเป็นเมืองท่าเล็ก ๆ จนกลายเป็นมหานครในปัจจุบัน โดยวัดนี้บูชาเทพ 2 องค์หลัก คือ เทพหม่าน (Man Cheong) – เทพแห่งปัญญาและวรรณกรรม เทพโหมว (Mo Tai) – เทพแห่งความกล้าหาญและความยุติธรรม ให้จุดธูป 3 ดอกหน้าเทวรูปพร้อมกล่าวว่า“ข้าพเจ้าชื่อ... เกิดวันที่... ขอให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม เจรจาสำเร็จ เรียนรู้ไว ตัดสินใจแม่นยำ และมีความยุติธรรมอยู่ในใจเสมอ”จากนั้นแนะนำให้เดินวนรอบกระถางธูป (ถ้าไม่พลุกพล่าน) และตั้งจิตขอบคุณท่าน ใครที่มีลูกอยู่ในช่วงสอบ หรือทำงานที่ต้องใช้สมองเยอะ อย่าลืมบรรจุวัดนี้ไว้ในแผนไหว้พระฮ่องกงของคุณด้วยนะครับ เพราะพลังแห่งการศึกษาในที่นี่ชัดเจนมาก การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีฟ้า (Island Line) ไปลงสถานี Sheung Wan ใช้ทางออก A2 แล้วเดินตามถนน Hollywood Road ประมาณ 7–10 นาที หรือขึ้น รถราง (Tram) มาลงป้าย Man Mo Temple ได้เช่นกัน พิกัด: วัดหม่านโหมว (Man Mo Temple) คลิ๊กที่นี่  วัดกวนไท (Kwan Tai Temple)  วัดกวนไท หรือวัดเทพเจ้ากวนอู เป็นวัดที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และความยุติธรรม การไหว้พระฮ่องกงที่วัดกวนไทเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังในการต่อสู้ เจรจา และเอาชนะความไม่ยุติธรรมต่างๆ ในชีวิตและการงาน วัดแห่งนี้บูชา เทพเจ้ากวนอู หรือ กวนไท หนึ่งในเทพเจ้าจีนที่ได้รับความเคารพสูงสุดในหมู่ชาวฮ่องกง ไต้หวัน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เทพกวนอูเป็นสัญลักษณ์ของ ความซื่อสัตย์ กล้าหาญ ยุติธรรม และปกป้องผู้มีคุณธรรมจากศัตรูและสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ วัดกวนไทจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ ทนาย ทหาร ตำรวจ และคนที่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องตัดสินใจ  เริ่มจากการจุดธูปแดง 3 ดอก ต่อหน้าเทวรูปกวนอู พร้อมกล่าวว่า “ขอให้ข้าพเจ้ามีความกล้าหาญ ยุติธรรม ซื่อสัตย์ และได้รับการคุ้มครองจากภัยอันตรายทั้งปวง ขอให้คนคิดร้ายแพ้ภัยตัวเอง และขอให้สิ่งที่ตั้งใจสำเร็จด้วยคุณธรรม” จากนั้นสามารถถวายพวงมาลัยหรือชาเขียวเพื่อเสริมบุญกุศล โดยเชื่อกันว่าท่านจะคุ้มครองผู้มีคุณธรรมอย่างแท้จริง การเดินทาง: อยู่ถนนเดียวกับวัดหม่านโหมว เดินต่อเพียงไม่เกิน 5 นาทีจาก Hollywood Road พิกัด: วัดกวนไท (Kwan Tai Temple) คลิ๊กที่นี่  วัดเชอหลิน (Chi Lin Nunnery)  วัดสุดท้ายของทริปไหว้พระฮ่องกง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักใจ ทบทวนชีวิต และปล่อยวาง วัดเชอหลินเป็นอารามหญิงล้วนที่สร้างตามสถาปัตยกรรมราชวงศ์ถัง มีสวนเซนและสระบัวรายล้อม บรรยากาศสงบอย่างแท้จริง ที่นี่ไม่ได้เน้นขอพรเรื่องโชคลาภหรือการเงินเป็นหลัก แต่คือสถานที่สำหรับการสงบใจ เติมพลังบวก เชื่อมโยงกับธรรมะอย่างแท้จริง วัดเชอหลินตั้งอยู่ในย่าน Diamond Hill ฝั่งเกาลูน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1934 ก่อนจะได้รับการบูรณะอย่างอลังการด้วยไม้สักแบบโบราณสไตล์ราชวงศ์ถัง โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ถือเป็นวัดพุทธฝ่ายมหายานที่สวยและเงียบสงบที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง แม้จะไม่ได้มีพิธีเสริมดวงแบบสายมูโดยตรง แต่ภายในวัดมีองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม พระศากยมุนีพุทธเจ้า และพระอรหันต์องค์ต่าง ๆ ให้ได้กราบสักการะ พร้อมโถงสวดมนต์ที่เงียบสงบ เหมาะกับการตั้งจิตอธิษฐานให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีงาม และขจัดความทุกข์ใจออกไป วัดนี้ยังติดกับ Nan Lian Garden สวนหินและสวนต้นไม้ที่ออกแบบตามหลักหยินหยางและพุทธศิลป์จีน สวยจนเหมือนฉากในหนังย้อนยุค เดินเล่นในสวนก่อนหรือหลังไหว้พระ ก็จะได้พลังทางใจที่สงบและมั่นคงมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่กำลังเจอมรสุมชีวิต หรืออยากรีเซ็ตใจเพื่อเริ่มต้นใหม่ แนะนำให้เดินเข้าสู่ศาลากลางอย่างเงียบสงบ หยุดยืนที่ลานไม้ หายใจลึก แล้วกล่าวเบา ๆ ว่า “ขอให้ข้าพเจ้ามีสติ สมาธิ และปัญญา เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตด้วยตนเอง และขอให้พบเจอครูบาอาจารย์และสิ่งแวดล้อมที่ดี” เพื่อปลดปล่อยความว้าวุ่นในใจ จากนั้นสามารถนั่งสมาธิในพื้นที่ที่จัดไว้ หรือเดินชมสวนก็ได้ครับ การเดินทาง: นั่ง MTR สายสีเขียว (Kwun Tong Line) มาลงสถานี Diamond Hill ใช้ทางออก C2 เดินผ่านห้าง Plaza Hollywood แล้วเดินตามป้ายอีก 5 นาที พิกัด: วัดเชอหลิน (Chi Lin Nunnery) คลิ๊กที่นี่  บ้านก็ต้องดูแล ใจก็ต้องมีที่พัก การออกเดินทางไปไหว้พระฮ่องกงไม่ใช่แค่เรื่องของการขอพรหรือเสริมดวงเท่านั้น แต่มันคือการให้เวลากับตัวเอง ได้ทบทวนชีวิต ได้ปล่อยใจในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความมงคลศักดิ์สิทธิ์ และหากคุณอยากเที่ยวทริปไหว้พระฮ่องกงนี้ให้ราบรื่นและสะดวกสบายที่สุด ลองให้ bluuu บริการแม่บ้านออนไลน์ เรามีแม่บ้านคุณภาพมากกว่า 150 คน ที่ยินดีช่วยดูแลเรื่องในบ้านให้แทนคุณนะครับ      ✅ ปลอดภัย คัดแม่บ้านมืออาชีพและผ่านการตรวจประวัติอาชญากรรมทุกคน      ✅ จองง่ายผ่านเว็บไซต์ ในเวลาไม่เกิน 5 นาที      ✅ เลือกแม่บ้านคนโปรดได้เอง          ✅ มีรีวิวจากลูกค้าที่ใช้งานจริง ให้ bluuu ดูแลบ้าน ส่วนคุณไปดูแลเสริมดวงตัวเองให้ปังที่ฮ่องกงนะครับ  เกี่ยวกับผู้เขียน Thossaporn K.

เหล่าทาสแมวเคยสงสัยกันไหมคะว่า อาหารแมวที่ขายในร้านขายอาหารสัตว์นั้น มีเยอะมากตั้งแต่ราคากิโลกรัมหลักสิบ ถึงหลักร้อย แล้วอาหารพวกนี้แตกต่างกันอย่างไร ? คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยกับทาสแมวมือใหม่ และแม้แต่คนที่เลี้ยงแมวมานานก็ยังอาจไม่แน่ใจว่าอาหารที่ให้อยู่ทุกวัน เหมาะสมกับกับแมวของเราแค่ไหนบทความนี้ ผู้เขียนจะพาไปเจาะลึก “เกรดอาหารแมว” แบบเข้าใจง่าย พร้อมแนะนำวิธีเลือกอาหารให้เหมาะกับแมวของคุณทั้งในด้านสุขภาพและงบประมาณ ทำไมต้องรู้เรื่อง "เกรดอาหารแมว"? ทาสแมวมือใหม่ต้องรู้ว่าอาหารที่ให้น้องกินอยู่ทุกวันนี้เหมาะสมหรือไม่ เพราะร่างกายและสายพันธุ์ของแมวนั้นหลากหลาย ทั้งขนสั้น ขนยาว และควรเลือกกินอาหารที่เหมาะสมตามปัญหาสุขภาพและวัยของแต่ละตัวด้วยค่ะ เพราะการเลือกอาหารนั้นสำคัญต่อสุขภาพแมวมากจริงๆอาหารไม่ได้แค่ทำให้อิ่ม แต่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของแมว ทั้งด้าน: ระบบย่อยอาหาร : อาหารมีส่วนสำคัญมากสำหรับระบบย่อยอาหาร ทาสแมวต้องสังเกตว่าอึน้องเหม็นไหม? ถ่ายดีหรือเปล่า ถ่ายเหลว หรือถ่ายแข็งมีเลือดปน ปัญหาพวกนี้สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายของแมวเราได้ ว่ากำลังป่วย  สุขภาพขนและผิวหนัง : แมวทุกตัวหากได้รับอาหารที่มีวิตามินแร่ธาตุไม่เหมาะสม อาจทำให้ขนร่วงได้ ซึ่งปัญหาขนร่วงเป็นปกติของแมว แต่หากร่วงหนักมากเกินไปอาจพิจารณาเปลี่ยนสูตรอาหารที่บำรุงขนและทานอาหารเสริมเพิ่มเติม เพื่อขนนุ่มเงางาม สุขภาพไตและตับ : สำหรับแมวโตที่อายุมาก อาหารเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเลือกอาหารสูตรเฉพาะ ดูเรื่องไขมันและโปรตีน หากมีมากไปจะส่งผลเสียตามมา  พฤติกรรม : อาหารส่งผลต่อพฤติกรรมของแมว หากมีการเปลี่ยนอาหารบ่อย รสชาติไม่เหมือนเดิม อาจทำให้น้องแมวซึม ไม่ร่าเริง เบื่ออาหารได้ แต่ต้องสังเกตเพราะแต่ละตัวก็แสดงออกแตกต่างกัน บางตัวอาจเบื่ออาหารเดิมที่เคยทานมาตลอด บางตัวอาจเลือกกกินแค่อาหารสูตรเดิมไม่ยอมกินสูตรอื่น ทาสแมวต้องสังเกตดีๆค่ะ เพราะใครๆก็อยากให้ลูกของเราเจริญอาหาร ผลเสียของการให้อาหารไม่เหมาะสมอาจทำให้ แมวขาดสารอาหาร, เสี่ยงโรคไต, ขนร่วง, ป่วยง่ายไม่มีภูมิต้านทาน)  การเลือกอาหารที่มีคุณภาพจึงช่วยให้แมวของเรา มีสุขภาพดี อายุยืน และประหยัดค่าหมอระยะยาว ได้เลยค่ะ อาหารแมวมี “เกรด” อะไรบ้าง? Standard Grade : หาซื้อได้ทั่วไป ราคาข้าถึงง่าย ใช้วัตถุดิบหลักเป็นธัญพืช เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง หรือถั่วลันเตา และมีผลพลอยได้จากสัตว์ซึ่งไม่ได้ถูกนำไปใช้เป็นอาหารหลักสำหรับมนุษย์ เช่น ส่วนของสัตว์ปีก เครื่องใน กระดูก เล็ก ปาก เท้า เป็นต้น มาเป็นส่วนผสมหลัก ยซึ่งหากต้องให้น้องแมวทานเป็นเวลานาน ต้องดูปริมาณโซเดียมให้เหมาะสม เพราะนานไปอาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพได้  Premium Grade : อาหารสูตรนี้ใช้วัตถุดิบหลักเป็นเนื้อสัตว์คุณภาพดี เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา หรือเนื้อแกะ  และมีการทำสูตรออกมาเพื่อให้เหมาะกับแมวมากยิ่งขึ้น เช่น สูตรสำหรับแมวขนยาว สูตรบำรุงขน หรือสูตรสำหรับแมวที่มีปัญหาการขับถ่าย ซึ่งมีการคำนวณสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล เลยทำให้มีราคาสูงขึ้นมาอีก หาซื้อได้ง่าย แต่ยังพบผลพลอยได้จากธัญพืชอยู่บ้างเป็นบางยี่ห้อ ส่วนเรื่องปริมาณโซเดียมลดลงถ้าเปรียบเทียบกับเกรดแรก Holistic Grade : เป็นเกรดที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจากธรรมชาติ เช่น เนื้อสัตว์เกรดคนทาน, ผลไม้ ผัก และมีการคำนวณสารอาหารเหมือนเกรด Premium มีสารอาหารที่จำเป็นต่อแมวครบถ้วนและมีความสมดุลสูง ปรุงแต่งน้อย บางแบรนด์ไม่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง, สี, หรือกลิ่นสังเคราะห์เลย ซึ่งอาหารแมวเกรด Holistic เหมาะสำหรับแมวที่ต้องการสารอาหารที่มีคุณภาพสูงสุด หรือมีปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้มีราคาสูง Grain Free : อาหารแมวสูตร Grain Free เป็นอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของธัญพืช เช่น ข้าวโพด, ข้าวสาลี, หรือข้าว เหมาะสำหรับแมวที่แพ้ธัญพืช ทำมาจากวัตถุดิบเนื้อสัตว์ที่เลือกใช้เกรดเหมือนอาหารคน ไม่มีการใส่ธัญพืชที่สามารถก่อภูมิแพ้ได้ ลดอาการภูมิแพ้ในแมว ทำให้ได้ปริมาณสารอาหารที่ดีมีคุณภาพ  โดยทาสแมวสามารถสังเกตอาการแพ้ของน้องแมวได้จากอาการ ผิวหนังแดง คัน เป็นตุ่ม อาเจียน หรือท้องเสีย ทั้งนี้ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ในการตรวจรักษา  วิธีอ่านฉลากอาหารแมวเบื้องต้น 1. ดูส่วนผสมแรกๆ บนถุง: วัตถุดิบเรียงตามปริมาณมาก–น้อย ถ้า “ข้าวโพด” หรือ “แป้ง” มาอันดับ 1 = โปรตีนต่ำ สารอาหารอาจและโปรตีนอาจมีน้อย 2. ดูเปอร์เซ็นต์โปรตีน-ไขมัน: สำหรับแมวโตทั่วไป โปรตีนควรอยู่ที่ 30% ขึ้นไป, ไขมันราว 12–20% 3. ไม่มีสารกันเสีย/สีสังเคราะห์: เลือกแบรนด์ที่เน้น “ธรรมชาติ” และปลอดภัย เพราะหากน้องแมวได้รับสารกันเสียหรือสีสังเคราะห์สะสมเป็นเวลานาน จะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างแน่นอน คำศัพท์บนถุงอาหารที่ควรรู้: ✅ Meat as first ingredient = ใช้เนื้อจริงเป็นส่วนผสมหลัก (คุณภาพดี) ✅ No by-product = ไม่มีของเหลือจากโรงงานแปรรูป ❌ Meat by-product = อาจเป็นเศษกระดูก ปีก เล็บ (คุณค่าต่ำ) ❌ Artificial flavor/color = มีสารแต่งกลิ่น-สี เสี่ยงอาการแพ้ อาหารเกรดดี = แมวสุขภาพดี จริงไหม? คำตอบคือ จริงมาก! จากประสบการณ์ของเจ้าของหลายคน เมื่อเปลี่ยนอาหารจากเกรดต่ำ → เกรดพรีเมียม หรือซูเปอร์พรีเมียม ขนแมวเงา นุ่มขึ้น อึน้อยลงและกลิ่นลดลง แมวอารมณ์ดีขึ้น กระฉับกระเฉง แมวสูงวัยมีสุขภาพไตดีขึ้นในระยะยาว แข็งแรงไม่ป่วยง่าย  สรุป: วิธีเลือกอาหารให้น้องแมว ดูอายุแมว : ลูกแมว / แมวโต / แมวสูงวัย มีความต้องการต่างกัน ควรดูในเรื่องปริมาณไขมัน โปรตีน และสารอาหารที่จำเป็นในแต่ละช่วงวัย ดูสุขภาพแมว : เป็นโรคไต? แพ้อาหาร? ต้องระวังเป็นพิเศษ ควรเลือกอาหารเฉพาะสูตร ดูพฤติกรรมการกิน : ชอบเม็ด? ชอบเปียก? แมวบางตัวความชอบต่างกัน ควรให้เค้าลองกินด้วยตัวเองค่ะ ดูงบประมาณ : ไม่ต้องแพงสุดเสมอไป แต่ต้อง “ปลอดภัย” และ “มีคุณภาพ” การเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับน้องแมวและเงินในกระเป๋าทาส เป็นสิ่งที่สำคัญค่ะ  แมวเป็นสัตว์ที่กินอาหารแล้วแสดงผลสุขภาพชัดมาก ถ้าให้แมวกินอาหารที่เหมาะและมีคุณภาพ เหล่าทาสแมวจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนทั้งร่างกายและอารมณ์ เพราะน้องแมวเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่ทำให้บ้านมีชีวิตชีวาและอบอุ่น นอกจากนี้ทาสควรใส่ใจเรื่องที่อยู่อาศัยให้สะอาดอยู่เสมอ น้องแมวก็จะมีความสุขมากเช่นกัน หากบ้านสะอาดหอมสดชื่น แต่ถ้าทาสแมวไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน สามารถเรียกแม่บ้านออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ ให้เข้าไปทำความสะอาดได้แล้วนะคะ  เราให้บริการแม่บ้านในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา บ้านสะอาดน่าอยู่น้องแมวก็มีความสุข เกี่ยวกับผู้เขียน  Uthaiwan B.